การลงนามสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ)
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2553 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพลเอก เล ห่ง เอ็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเวียดนาม ได้ลงนามในสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา ณ ทำเนียบรัฐบาล ในระหว่างการเยือนประเทศไทยของพลเอก เล ห่ง เอ็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งเวียดนาม
สนธิสัญญาดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับ ในวันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร ตามที่ระบุไว้ในข้อ 14 ของสนธิสัญญาฯ ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาในคดีอาญา พ.ศ. 2527 เป็นกฎหมายอนุวัติการสนธิสัญญาฯ ฉบับนี้อยู่แล้ว จึงมีความพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกับฝ่ายเวียดนามในโอกาสแรก
ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อวัตถุประสงค์หลักในการจัดทำสนธิสัญญาดังกล่าวซึ่งมุ่งที่จะช่วยให้ผู้ต้องคำพิพากษาสามารถปรับตัวกลับคืนสู่สังคมของตนได้ โดยสนธิสัญญาฯ กำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่อนุญาตให้ผู้ต้องคำพิพากษาได้รับการโอนตัวกลับไปยังประเทศของตนเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาลไทยที่เหลือจนครบ ภายหลังจากที่ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาได้รับโทษจำคุกเป็นระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายของรัฐผู้โอนแล้ว ดังนั้น สนธิสัญญาฯ นี้ นอกจากจะเป็นสัญญลักษณ์แห่งความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศของทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังถือเป็นกลไกที่จะช่วยเสริมสร้างให้ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและการบริหารงานกระบวนการยุติธรรมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--