เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2553 เวลา 11.00 น. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปให้แก่เอกอัครราชทูตและผู้แทนจากกลุ่มประเทศในภูมิภาคต่างๆ รวม 16 ประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์และการดำเนินการของรัฐบาลต่อการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยย้ำว่า รัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดูแลสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยและไม่มีการใช้กำลังต่อผู้ชุมนุม ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมเองก็ชุมนุมโดยความสงบ ซึ่งรัฐบาลได้แสดงความขอบคุณ และหวังว่าการชุมนุมจะไม่ขัดขวางการปฏิบัติงานตามหน้าที่ของภาครัฐ รวมทั้งไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตและธุรกิจตามปกติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแจ้งคณะทูตานุทูตว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความพร้อมที่จะพูดคุยกับกลุ่ม นปช. บนพื้นฐานของการไม่กำหนดเงื่อนไข และพร้อมที่จะพุดคุยในทุกเรื่อง ยกเว้นประเด็นเกี่ยวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องของการดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และเงื่อนไขของกลุ่ม นปช. เกี่ยวกับการยุบสภา ซึ่งเป็นวิถีนอกรัฐสภา โดยกล่าวเสริมว่า ขณะนี้ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรก็ยื่นมติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามกระบวนการรัฐสภาอยู่แล้ว ทั้งนี้ กระบวนการพูดคุยดังกล่าวเป็นไปตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้เสนอที่จะเข้ามามีบทบาทเป็นตัวเชื่อม เช่นเดียวกับสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนที่ได้ให้ข้อเสนอแนะในเรื่องดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถึงความกังวลของรัฐบาลเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำของแกนนำผู้ชุมนุมที่อาจสร้างความแตกแยกและเกลียดชังระหว่างประชาชนซึ่งไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะการใช้คำว่า “อำมาตย์” กับ “ไพร่” ซึ่งเป็นคำที่ใช้สมัยยุค ศักดินา ซึ่งหมดไปแล้วจากสังคมไทยที่ปัจจุบันเป็นสังคมประชาธิปไตย และประชาชนมีเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและการแสดงออก รวมทั้งสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานต่างๆ ได้ โดยรัฐบาลชุดปัจจุบันก็พยายามดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อนำประเทศไปสู่การเป็นรัฐสวัสดิการ นอกจากนี้ รัฐบาลปัจจุบันก็เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการของรัฐสภาเช่นเดียวกับรัฐบาลสองชุดก่อนหน้านี้
เอกอัครราชทูตจากหลายประเทศได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยให้แก่คณะผู้แทนที่จะเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) ครั้งที่ 122 ที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม — 1 เมษายน 2553 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ รวมทั้งชี้ว่าในการชุมนุมทางการเมืองของไทยตลอดช่วงที่ผ่านมา ชาวต่างชาติไม่เคยเป็นเป้าหมายหรือได้รับอันตราย แม้ว่าอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสริมด้วยว่า รัฐบาลกับ ตำรวจและทหารทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเป็นเนื้อเดียวกัน โดยรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย
ต่อคำถามเกี่ยวกับการขยายเวลาการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวในการประชุมวันที่ 23 มีนาคม ศกนี้ ซึ่งคาดว่าคงจะขยายเวลาออกไปอีกแต่จะจำกัดพื้นที่ให้ครอบคลุมเฉพาะบริเวณที่จำเป็น ทั้งนี้ ศูนย์สถานการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศจะคงปฏิบัติงานต่อไปเพื่อให้ข้อมูล และประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตต่อไป
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตจากหลายประเทศก็ได้แสดงความยินดีที่รัฐบาลสามารถดูแลสถานการณ์การชุมนุมให้ดำเนินไปได้โดยสงบเรียบร้อย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--