ในระหว่างวันที่ 18 - 20 พฤษภาคม 2553 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศขององค์การการประชุมอิสลาม ครั้งที่ 37 ณ กรุงดูชานเบ สาธารณรัฐทาจิกิสถาน โดยเมื่อวันที่ 19 และ 20 พฤษภาคม 2553 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก ลิเบีย รวมทั้งพบกับเลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (OIC)
1. การหารือทิวภาคีกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เวลา 17.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนาง Latifa Akharbach รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอบคุณฝ่ายโมร็อกโกที่ให้การสนับสนุนไทยในการได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ วาระปี 2553 — 2556 และขอบคุณที่โมร็อกโกเข้าใจสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขสถานการณ์ฯ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้แจ้งสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยให้ฝ่ายโมร็อกโกทราบ
ฝ่ายโมร็อกโกแสดงความพอใจที่ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิดในทุกระดับ และยืนยันจะให้ความสนับสนุนไทยในทุกด้านต่อไป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า ต้องการส่งเสริมความร่วมมือกับโมร็อกโก โดยเฉพาะในด้านการเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ซึ่งโมร็อกโกเป็นต้นแบบของประเทศอิสลามที่เปิดกว้างและทันสมัย ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เชิญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศโมร็อกโกเยือนไทยในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป
2. การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศลิเบีย
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เวลา 17.30 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนาย Mohammad Omar Al-Barani รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศลิเบีย รัฐมนตรีว่าการฯ ขอบคุณฝ่ายลิเบียที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแก่ฝ่ายไทยในการเปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี และแจ้งว่าภาคเอกชนของไทยสนใจเข้าไปลงทุนในลิเบียในด้านพลังงานและการก่อสร้าง รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอบคุณฝ่ายลิเบียที่ให้การสนับสนุนไทยในการได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ วาระปี 2553 — 2556 และมีความเข้าใจและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยในการแก้ไขสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมแจ้งความคืบหน้าของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยให้ฝ่ายลิเบียทราบ
ทั้งนี้ ฝ่ายลิเบียหวังที่จะเปิดสถานเอกอัครราชทูตลิเบียในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ และกล่าวว่า มีโครงการก่อสร้างมากมายในลิเบีย จึงขอเชิญให้ภาคเอกชนไทยเข้าไปประมูลงานด้วย นอกจากนี้ ยังแสดงความตั้งใจในการร่วมมือและสนับสนุนรัฐบาลไทย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและความเป็นปึกแผ่นของไทย และชื่นชมความเชี่ยวชาญของไทยในด้านอุตสากรรมอาหารฮาลาล การท่องเที่ยว และการบริการทางการแพทย์
3. การพบหารือกับเลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (OIC)
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 เวลา 12.00 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับ Prof. Ekmeleddin Ihsanoglu เลขาธิการองค์การการประชุมอิสลาม (OIC) โดยรัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่า นับตั้งแต่การเยือนไทยของเลขาธิการ OIC เมื่อปี 2550 และการลงนามแถลงข่าวร่วมระหว่างเลขาธิการ OIC กับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายนิตย์ พิบูลสงคราม) ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหลายชุด อย่างไรก็ดี รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา ก็ได้มีการดำเนินการต่าง ๆ มากมายตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข สังคม ฯลฯ โดยเฉพาะรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ
63,000 ล้านบาทในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ มีการตั้งคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้
การจัดตั้งกงสุลฮัญจ์ การให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทย-มุสลิม รวมถึงการขยายความร่วมมือกับ OIC อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเชิญผู้อำนวยการใหญ่ ISESCO เยือนไทย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553 และการที่รัฐมนตรีว่าการฯ นำคณะทูตานุทูตในกรุงเทพฯ เยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ 4 ครั้ง ในช่วงที่ผ่านมา
Prof. Ihsanoglu ขอบคุณที่รัฐมนตรีว่าการฯ เดินทางมาร่วมการประชุมด้วยตนเอง ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญที่ไทยให้กับ OIC และขอบคุณสำหรับข้อมูลต่าง ๆ ที่รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แจ้งให้ทราบ ซึ่งทำให้ตนได้เข้าใจนโยบายและเห็นการดำเนินงานของรัฐบาลไทย และพัฒนาการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะ
การมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งนี้ OIC จะร่วมมือกับประเทศไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป
4. การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 เวลา 12.30 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับนาย Manuchehr Mottaki รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน โดยฝ่ายอิหร่านได้สอบถามถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย โดยแจ้งว่า อิหร่านมองไทยซึ่งเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ และไทยมีบทบาทนำในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาคเอเชีย จึงขอเอาใจช่วยให้สถานการณ์กลับคืนสู่ปกติในเร็ววัน
รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอบคุณความห่วงกังวลและความเข้าใจของอิหร่านต่อสถานการณ์การเมืองไทย และได้แจ้งสถานการณ์ล่าสุดให้ทราบ และขอบคุณอิหร่านที่ให้เสียงสนับสนุนไทยในการได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ วาระปี 2553 — 2556 รวมถึงเข้าใจสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้การสนับสนุนไทยในเวที OIC และจะเร่งกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แน่นแฟ้นกับอิหร่าน อันจะเป็นประโยชน์ต่อสันติภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาในภูมิภาคอาเซียนและตะวันออกกลางโดยรวม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--