ตามที่กองทัพเรืออิสราเอลได้โจมตีเรือ Mavi Marmara ของตุรกีเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเรือดังกล่าวขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังกาซ่า อันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 10 คน และบาดเจ็บกว่า 60 คน นั้น นางสาววิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 รัฐบาลมาเลเซียได้ขอให้รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกด้านกงสุลแก่ชาวมาเลเซียจำนวน 12 คน ที่อยู่บนเรือ Mavi Marmara และถูกควบคุมตัวโดยอิสราเอล เนื่องจากมาเลเซียไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ทั้งนี้ การขอความช่วยเหลือครั้งนี้เป็นไปตาม “Assistance by ASEAN Missions in Third Countries to Nationals of ASEAN Member Countries in Conflict/Crisis Situations” ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 2539 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
ในการนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ อิสราเอล ได้เร่งประสานกับกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล โดยทันที และได้รับแจ้งว่าชาวมาเลเซียดังกล่าวได้ถูกส่งตัวไปยังจอร์แดนแล้ว จากนั้น สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงได้ประสานต่อไปยังสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ณ กรุงอัมมาน จอร์แดน และได้รับทราบว่า ชาวมาเลเซียทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ แล้ว และสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ ได้ขอบคุณฝ่ายไทยที่พยายามติดต่อและให้ความช่วยเหลือแก่มาเลเซียในเรื่องดังกล่าว
2. เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2553 ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC) ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดที่สิงคโปร์ โดยมีนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทยเข้าร่วมการประชุม ได้ออกแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
- ประณามการโจมตีเรือ Mavi Marmara โดยอิสราเอล
- แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการโจมตี
- เรียกร้องให้อิสราเอลปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวโดยทันที
- เรียกร้องให้อิสราเอลยกเลิกการปิดล้อมกาซ่า
- ให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการให้อิสราเอลรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--