เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2553 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือทวิภาคีกับ 4 ประเทศสมาชิกของคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศแห่งรัฐสุลต่านโอมาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งบาห์เรน รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านกิจการต่างประเทศของรัฐกาตาร์ และรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งคูเวต และได้หารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในระหว่างเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ (อาเซียน-GCC) ครั้งที่ 2 ณ สิงคโปร์ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. การพบหารือกับนายอะห์มัด บิน ยูซุฟ อัล ฮาร์ติ ปลัดกระทรวงแห่งรัฐสุลต่านโอมาน
ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในด้านต่างๆ อาทิ การค้า การลงทุน การเดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในไทย และความร่วมมือทางด้านอาหารและการเกษตร ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวขอบคุณฝ่ายโอมานที่ให้การสนับสนุนไทยในเวทีพหุภาคีมาโดยตลอด ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้สรุปสถานะของการเมืองไทยในปัจจุบันว่าสถานการณ์ขณะนี้ได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว โดยฝ่ายโอมานแสดงความยินดีที่รัฐบาลไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และเห็นว่าการใช้บังคับกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
2. การพบหารือกับนายอะห์มัด บิน อับดุลลาห์ อัล มาห์มูด รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านกิจการต่างประเทศแห่งรัฐกาตาร์
ฝ่ายกาตาร์กล่าวว่า กาตาร์ให้ความสำคัญกับไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดและความร่วมมือที่ดีต่อกันมาโดยตลอด อีกทั้งมีนักท่องเที่ยวชาวกาตาร์เดินทางมาไทยเป็นจำนวนมากทั้งด้านการท่องเที่ยวและการรักษาพยาบาล ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ กล่าวขอบคุณฝ่ายกาตาร์ที่เข้าใจสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ของไทยและสนับสนุนไทยในเวทีพหุภาคีมาโดยตลอด โดยฝ่ายกาตาร์เชื่อมั่นว่า ไทยให้ความสำคัญกับคนมุสลิมในไทยอย่างเท่าเทียมกันและได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ในส่วนของสถานการณ์การเมืองไทย กาตาร์ถือว่าไทยเป็นมิตรที่ดีและความมั่นคงและเจริญก้าวหน้าของไทยถือเป็นความมั่นคงของกาตาร์เช่นกัน และได้แสดงความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับไทย โดยที่กาตาร์เป็นประเทศเดียวใน GCC ที่ไม่ได้มีการออกประกาศการเตือนประชาชนมิให้เดินทางไปประเทศไทย ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวขอบคุณที่ฝ่ายกาตาร์เข้าใจในสถานการณ์ของไทย และได้กล่าวสรุปสถานะการเมืองในปัจจุบันและการดำเนินการตามแผนปรองดอง 5 ข้อของรัฐบาล
3. เชค คาหลิด บิน อาเหม็ด บิน โมฮัมเหม็ด อัล คอลิฟะห์ รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรน
รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรนได้แสดงความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐบาลไทยที่มีความพยายามนำพาประเทศเข้าสู่สภาวะปกติ และพร้อมจะสนับสนุนไทยเสมอในฐานะพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ แน่นแฟ้นมาโดยตลอด และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยจะประสบความสำเร็จในการนำกฎหมายมาใช้ และขอชื่นชมที่ประชาชนชาวไทยมีจิตใจที่ดีและมีความปรารถนาดีต่อกันซึ่งดูได้จากการที่มีประชาชนหลายพันคนออกมาช่วยกันทำความสะอาดภายหลังจากการยุติการชุมนุม ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ กล่าวขอบคุณฝ่ายบาห์เรนที่มีความเข้าใจและความปรารถนาดีที่มีให้ไทยเสมอมา นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการเยือนของเจ้าชายคอลิฟะห์ บิน ซัลมาน อัล คอลิฟะห์ (Khalifa bin Salman Al Khalifa) นายกรัฐมนตรีแห่งบาห์เรนด้วย
4. เช็ค อับดุลลาห์ บิน ซายิด อัล นาห์ยาน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้ยืนยันถึงสถานการณ์การเมืองของไทยที่กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว ซึ่งทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศยูเออีให้การรับรองว่า จะยกเลิกประกาศเตือนห้ามชาวยูเออีเดินทางเข้าประเทศไทย และย้ำว่ายูเออีและไทยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และยืนยันด้วยว่า ยูเออีคำนึงถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับ ยูเออีเป็นสำคัญและไม่ยอมให้ยูเออีถูกใช้เป็นฐานในการขับเคลื่อนทางการเมืองของบุคคลใด
5. ดร.โมฮัมหมัด ซอบะห์ อัลซาเล็ม อัลซอบะห์ รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีต่างประเทศแห่งคูเวต
ทั้งสองฝ่ายหารือในประเด็นต่างๆ อาทิ การเยือนของนายกรัฐมนตรีคูเวต การค้า การลงทุน การจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างไทยกับคูเวต ความร่วมมือด้านการเกษตร การท่องเที่ยว ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้ขอบคุณฝ่ายคูเวตที่ให้การสนับสนุนไทยมาโดยตลอดในเวทีพหุภาคี ในส่วนของสถานการณ์การเมืองไทยผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้สรุปสถานะในปัจจุบันให้ฝ่ายคูเวตรับทราบด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--