เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2553 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหารือทวิภาคีกับ นายคัทสึยะ โอคาดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เนื่องในโอกาสการเยือนอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ
การหารือดังกล่าวมีขึ้นเพื่อทบทวนสถานะความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันและติดตามความคืบหน้าในประเด็นที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเยือนไทยอย่างเป็นทางการ สรุปสาระสำคัญของการหารือได้ ดังนี้
ความสัมพันธ์และความร่วมมือไทย — ญี่ปุ่น ในกรอบทวิภาคี ฝ่ายไทยยืนยันความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในทุกระดับและทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย และกรอบความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย — ญี่ปุ่น (JTEPA) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2550 ซึ่งทำให้สองประเทศสามารถขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในหลากหลายสาขามากขึ้น ในกรอบภูมิภาค ฝ่ายไทยยินดีจะร่วมมือกับญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาใน 4 ประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ซึ่งจะช่วยลดปัญหาอาชญากรรมข้ามพรมแดนและส่งเสริมความแข็งแกร่งของอาเซียน โดยจะช่วยยกระดับสถานะอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ในกรอบพหุภาคี ฝ่ายไทยยังเห็นด้วยกับฝ่ายญี่ปุ่นในเรื่องการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เนื่องจากองค์การระหว่างประเทศที่สำคัญ ๆ ควรได้รับการปฏิรูปให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน
กรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มุราโมโต ช่างภาพชาวญี่ปุ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้สอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีการเสียชีวิตของนายมุราโมโต โดยฝ่ายไทยเน้นย้ำว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังเร่งดำเนินการสอบสวนคดีดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งมาโดยตลอด และกระทรวงการต่างประเทศจะติดตามและชี้แจงข้อมูลต่าง ๆ อย่างเร่งด่วนให้แก่ฝ่ายญี่ปุ่นเป็นระยะ ๆ
กรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ฝ่ายไทยจะเร่งดำเนินการพิจารณาว่าโครงการใดไม่มีพันธกรณีด้านสิ่งแวดล้อมตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงภาระด้านงบประมาณของบริษัทที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ยืนยันว่า ภายหลังการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว จะก่อให้เกิดมาตรฐานการจัดการที่ชัดเจนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวในอนาคต เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--