เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2553 นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางเยือนประเทศมอนเตเนโกรอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอนเตเนโกร โดยได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของมอนเตเนโกร และหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของมอนเตเนโกร นอกจากนี้ ยังได้เดินทางเยี่ยมชมท่าเรือเมือง Bar ซึ่งเป็นท่าเรือที่สำคัญของมอนเตเนโกรอีกด้วย
จุดประสงค์ของการเยือนครั้งนี้ คือ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต
1. ระหว่างการเข้าเยี่ยมคารวะนายฟิลิป วูจาโนวิค (Filip Vujanovic) ประธานาธิบดีแห่งมอนเตเนโกร รัฐมนตรีว่าการฯ ได้สอบถามถึงนโยบายหลักของประเทศ ซึ่งประธานาธิบดีได้สรุปว่ามอนเตเนโกรอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมเพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปซึ่งต้องเสริมสร้างศักยภาพและมาตรฐานในทุก ๆ ด้าน และมอนเตเนโกรมีจุดเด่นทางด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับหลายประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมอนเตเนโกรจะมุ่งเน้นการเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน
รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่าไทยกำลังต้องการสรรหาตลาดใหม่ในภูมิภาคอื่น ๆ จากเดิมที่การค้าส่วนใหญ่พึ่งพาเฉพาะตลาดในประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรปตะวันออก เป็นต้น อีกทั้งภาคเอกชนของไทยยังมีศักยภาพในการลงทุนในต่างประเทศด้วย
2. ในการเข้าเยี่ยมคารวะนายมิโล จูกาโนวิค (Milo Dukanovic) นายกรัฐมนตรี ได้หารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งรัฐบาลมอนเตเนโกรมีนโยบายให้ความสำคัญต่อการเร่งรัดพัฒนาใน 3 สาขา ได้แก่ สาธารณูปโภคพื้นฐาน พลังงาน และการท่องเที่ยว
รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่าไทยกำลังต้องการสรรหาคู่ค้าใหม่ในภูมิภาคอื่น ๆ รวมทั้งแหล่งลงทุนใหม่ ซึ่งมอนเตเนโกรน่าจะมีศักยภาพเป็นประเทศทางเข้าสู่ภูมิภาคยุโรปตะวันออกได้ อีกทั้ง ยังต้องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับมอนเตเนโกรในการปฏิรูปประเทศซึ่งประเทศไทยก็อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่เช่นกัน
3. ในการหารือทวิภาคีกับนายมิลาน โรเซน (Milan Rocen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอนเตเนโกร นายโรเซนได้กล่าวแสดงความยินดีและความพร้อมของมอนเตเนโกรที่จะเจริญความสัมพันธ์กับไทย โดยมอนเตเนโกรต้องการเรียนรู้จากไทยเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ อาทิ บทบาทไทยในอาเซียน และเห็นว่าควรจะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม โดยอาจเริ่มจากการจัดทำความตกลงเกี่ยวกับการคุ้มครองการลงทุนและการยกเว้นภาษีซ้อน
รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เห็นพ้องด้วยที่จะมีความตกลงร่วมกันในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและข้าราชการ และให้มีการแลกเปลี่ยนนักการทูตรุ่นใหม่ระหว่างกัน ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือในกรอบสหประชาชาติ โดยเฉพาะการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ
4. ในการหารือข้อราชการกับนายบรังโก วูโจวิช (Branko Vujovic) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้สอบถามถึงนโยบายทางเศรษฐกิจของมอนเตเนโกร ซึ่งนายวูโจวิชได้สรุปว่าเศรษฐกิจของมอนเตเนโกรมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง มอนเตเนโกรมีนโยบายเปิดเสรีทางการลงทุนเพื่อเชิญชวนให้มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเร่งรัดการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานและระบบการคมนาคมขนส่งอีกด้วย
รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการไปลงทุนในต่างประเทศรวมทั้งเป็นประเทศผู้ให้และถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาในประเทศต่าง ๆ ด้วย จึงขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน ความต้องการของตลาด เพื่อจะได้นำข้อมูลไปรายงานต่อคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อให้ภาคเอกชนของไทยได้รู้จักมอนเตเนโกรและสามารถแสวงหาลู่ทางในการลงทุนหรือการทำธุรกิจร่วมกัน ตลอดจนขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับสาขาความรู้ที่ต้องการพัฒนา เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีและประสบการณ์ระหว่างกัน และจะเชิญชวนให้คณะผู้แทนจากภาคเอกชนเดินทางมาเยือนมอนเตเนโกรด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--