ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการออมในรูปแบบประกันชีวิตแบบบำนาญ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมไว้ใช้หลังเกษียณอายุ ตลอดจนกระตุ้นการขยายตัวของกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญให้เพิ่มขึ้น อันจะช่วยเพิ่มการออมของประเทศในระยะยาว และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
เพิ่มวงเงินการให้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท เป็น 300,000 บาท ทั้งนี้ วงเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นจำนวน 200,000 บาทดังกล่าวต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และเมื่อรวมกับเงินได้ที่จ่ายเข้ากองทุนประเภทเดียวกันอื่นๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมาย ว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการออมในรูปแบบประกันชีวิตแบบบำนาญข้างต้น จะเป็นการช่วยสนับสนุนให้ผู้มีเงินได้ออมเงินไว้ใช้จ่ายหลังเกษียณอายุอันจะเป็นการช่วยสร้างหลักประกันความมั่นคงของชีวิตในวัยชรา และเป็นการส่งเสริมการออมของประเทศให้เพิ่มขึ้นในระยะยาว และช่วยลดปัญหาสังคมและภาระค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรมสรรพากรจะได้ประสานงานด้านกฎหมายให้มีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี 2553 ที่ต้องยื่นรายการในปี พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป”
สำนักวิชาการแผนภาษี กรมสรรพากร
โทร. 0 2272 8633
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 118/2553 19 ตุลาคม 53--