รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 26, 2010 14:50 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 26 ตุลาคม 2553

Summary:

1. ธปท. เผย ปัญหาน้ำท่วม อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในระยะต่อไป

2. ลุ้นลมหนาวช่วยเที่ยวไทยฟื้นสิ้นปี 53

3. ขุนคลังและผู้ว่าแบงก์ชาติประเทศ G-20 ประกาศไม่ทำสงครามค่าเงิน

Highlight:
1. ธปท. เผยปัญหาน้ำท่วม อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในระยะต่อไป
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่าปัญหาน้ำท่วมขณะนี้มีผลต่อการปรับขึ้นราคาสินค้าเกษตร อาหารสด และพืชผัก เนื่องจากการที่พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ทำให้มีปริมาณผลผลิตน้อยลง ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้นบ้าง แต่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรเหล่านี้จะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ หรือเสถียรภาพด้านราคาในระยะต่อไป และจะสูงถึงขั้นกระทบเงินเฟ้อให้เกินกรอบเป้าหมายหรือไม่ คงต้องติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นและจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปนั้น เนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรที่ออกสู่ตลาดน้อยลงจากการที่พื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายจากอุทกภัย โดยเฉพาะข้าวนาปีที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ ตลอดจนจะส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาด้านราคาจนถึงไตรมาสที่ 1/54 ซึ่งภาครัฐควรต้องวางแผนรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ สศค. ได้มีการคาดการณ์เงินเฟ้อปี 53 และ 54 ในเบื้องต้น ณ ก.ย.53 อยู่ที่ร้อยละ 3.4 และ 3.5 ต่อปี โดยไม่ได้รวมผลกระทบของอุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยจะมีการคาดการณ์ครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.53
2. ลุ้นลมหนาวช่วยเที่ยวไทยฟื้นสิ้นปี 53
  • นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในระยะนี้ มีผลกระทบการท่องเที่ยวในระยะสั้นเท่านั้น เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง การท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในเดือน ธ.ค.นี้ เพราะเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นจะจูงใจนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะหัวหิน ชะอำ และเชียงใหม่ โดยภาคเอกชนวางแผนเข้าพบปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อวางแผนการทำงานด้านท่องเที่ยวอีกครั้ง
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคบริการท่องเที่ยวยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องนับจากไตรมาสที่ 4 ปี 52 เป็นต้นมา โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 52 ไตรมาสที่1 และ 2 ปี 53 ภาคบริการท่องเที่ยวขยายตัวที่ร้อยละ 13.6 15.3 และ 0.2 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ แนวโน้มภาคท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ยังสะท้อนจากอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศอีกด้วย ล่าสุดในเดือน ก.ย. 53 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวที่ร้อยละ 14.5 ต่อปี ส่งผลให้ไตรมาส 3ปี 53 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวที่ร้อยละ 12.5 ต่อปี ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 53 อีกด้วย โดยคาดว่าในปี 53 นี้ ภาคการท่องเที่ยวจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15.5 ต่อปี (คาดการณ์โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)
3. ขุนคลังและผู้ว่าแบงก์ชาติประเทศ G-20 ประกาศไม่ทำสงครามค่าเงิน
  • เศรษฐกิจรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศต่างๆในกลุ่ม

G-20เปิดเผยหลังการประชุมที่ประเทศเกาหลีใต้ว่าจะไม่มีการลดค่าเงินเพื่อกระตุ้นการส่งออกเพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราทั่วโลกภายหลังค่าเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลงมาก ทั้งนี้ รัฐมนตรีคลังของประเทศในกลุ่ม G-20ยังเรียกร้องให้มีการลดความไม่สมดุลของดุลการค้า อีกทั้งยังมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ยังคงเปราะบางอีกด้วย

  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศต่างๆในกลุ่ม G-20ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการทำสงครามค่าเงินนั้น น่าจะมีผลทางด้านจิตวิทยาต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราบ้าง อย่างไรก็ตามหากแนวโน้มของค่าเงินในประเทศตลาดเกิดใหม่ยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและสกุลเงินหลักอื่นๆ ไม่ว่าจะจากการเก็งกำไรค่าเงินหรือจากปัจจัยพื้นฐานก็ตาม ย่อมมีความเป็นไปได้ว่านักลงทุนอาจมองว่าเงินดอลลาร์ยังคงไม่มีเสถียรภาพและเพิ่มสัดส่วนการถือครองสกุลเงินภูมิภาคมากขึ้น อันจะส่งผลให้ค่าเงินสกุลภูมิภาคแข็งค่าอย่างต่อเนื่องได้ ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปี 2553 จะอยู่ที่ 31.7บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือที่ช่วงคาดการณ์ที่ 31.2 - 32.2บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณการ ณ ก.ย. 53)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ