รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 4, 2010 11:11 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553

Summary:

1. นายกฯมั่นใจน้ำท่วม-บาทแข็งไม่กระทบคาดศก.ปีนี้โตใกล้ 8%

2. BOI เตรียมโรดโชว์ฝรั่งเศส เยอรมนี 8-12 พ.ย.นี้

3. อินโดนีเซียส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอเงินทุนไหลเข้า

Highlight:
1. นายกฯมั่นใจน้ำท่วม-บาทแข็งไม่กระทบคาดศก.ปีนี้โตใกล้ 8%
  • นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุม Thailand-China Enterprises Forum ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยในปัจุบัน จะเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก แต่ด้วยพื้นฐานที่เข้มแข็ง ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อต่ำ หนี้สาธารณะสามารถบริหารจัดการได้ สถาบันการเงินแข็งแกร่ง ส่วนรัฐบาลก็เปิดกว้างและยึดมั่นในหลักการแข่งขันเสรีภายใต้ระบบตลาด มีการธรรมาภิบาล และการเร่งรัดการลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง 7 สาขาหลักถึงปี 2555 ทำให้มั่นใจได้ว่าผลกระทบทั้งจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และปัญหาอุทกภัย จะไม่กระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากนัก และเชื่อว่าเศรษฐกิจขยายตัวตามเป้าหมายได้ที่อัตราการเจิรญเติบโตใกล้ร้อยละ 8 ต่อปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3ขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ สาเหตุหลักมาจากมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนก.ย.ที่ 18,061ล้านดอล์ลาร์สหรัฐ อยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ขยายตัวร้อยละ 21.2 ต่อปี อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยสร้างความเสียหายหลักในภาคเกษตรกรรมคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อ GDP หดตัวลงจากที่ประมาณการไว้เดิมร้อยละ -0.08 ถึง -0.21 ต่อปี
2. BOI เตรียมโรดโชว์ฝรั่งเศส เยอรมนี 8-12 พ.ย.นี้
  • รัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนที่จะโรดโชว์ชักจูงการลงทุนประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนี ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย.นี้ ซึ่งการโรดโชว์ครั้งนี้จะเน้นชักจูงการลงทุนอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนยายยนต์ และเคมีภัณฑ์ โดยได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเดินหน้าต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้คำขอรับส่งเสริมการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมาย 500,000 ล้านบาท
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จากสถิติใน 9 เดือนแรกปี 53 นักลงทุนต่างชาติยื่นขอส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ +23.9 จำนวนโครงการทั้งสิ้น 605 โครงการ ส่วนใหญ่ คือ กิจการผลิตโลหะภัณฑ์ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง โดยญี่ปุ่นมีจำนวนโครงการยื่นคำขอฯสูงที่สุด รองลงมา คือ สิงค์โปร และจีน การลงทุนจากยุโรปยื่นคำขอ 107 โครงการ มูลค่ารวม 38,674 ล้านบาทเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจากปีก่อน แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากสเปน เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งโครงการลงทุนจากต่างชาติที่ได้รับอนุมัติในเดือน ม.ค.-ก.ย. 53 มีจำนวน 590 โครงการ มีปริมาณเงินลงทุน 207,126 ล้านบาทหรือร้อยละ 55.1 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้นที่ได้รับการอนุมัติ (375,966 ล้านบาท) ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 52 ในช่วงเวลาเดียวกัน จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.6 ส่วนปริมาณเงินทุนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกิจการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
3. อินโดนีเซียส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอเงินทุนไหลเข้า
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่าธนาคารกลางอินโดนีเซียส่งสัญญาณที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 6.5 ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2553 เพื่อเป็นการชะลอเงินทุนจากต่างประเทศที่จะไหลเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียล่าสุด ณ เดือน ก.ย. 53 ได้ชะลอตัวลงมาสู่ระดับ 5.8 จากเดือน ส.ค. ที่ระดับ 6.4 ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
  • สศค. วิเคราะห์ว่าจากการที่เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเซียได้ขยายตัวในระดับสูงกว่าภูมิภาคอื่น ส่งผลให้นักลงทุนจากทั่วโลกสนใจนำเงินเข้ามาลงทุนในเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและทำให้ค่าเงินในภูมิภาคนี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวที่ การขยายตัวดังกล่าวได้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศส่วนใหญ่ในเอเซีย ณ เดือน ก.ย. 53 ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อน ได้แก่ จีนปรับสูงขึ้นที่ร้อยละ 3.6 เกาหลีปรับสูงที่ระดับ 3.6 และสิงคโปร์ปรับสูงขึ้นที่ร้อยละ 3.7 อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อ ณ เดือน ก.ย. 53 ของบางประเทศในเอเชียได้ชะลอตัวลง ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย มาอยู่ที่ระดับ 5.8 1.8 และ 3.0 ตามลำดับ ซึ่งทำให้ประเทศดังกล่าวยังสามารถคงอัตราดอกเบี้ยและเป็นปัจจัยที่จะชะลอการไหลเข้ามาของเงินทุนจากต่างประเทศ

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ