รายงานภาวะเศรษฐกิจรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 8 — 12 พฤศจิกายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 15, 2010 11:01 —กระทรวงการคลัง

Executive Summary

Indicators this week
  • สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์เดือน ก.ย. 53 อยู่ที่ 1.89 ล้านล้านบาท
  • รายได้สุทธิของรัฐบาล (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือนต.ค. 53 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 มีจำนวนทั้งสิ้น 122.5 พันล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.9 ต่อปี และสูงกว่าประมาณการ 5.3 พันล้านบาทหรือร้อยละ 4.5
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ในเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปี ในขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์รวมในเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวร้อยละ 53.8 ต่อปี
  • ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือน ต.ค. 53 อยู่ที่ 1.49 แสนคัน หรือขยายตัวร้อยละ 14.4 ต่อปี
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนต.ค. 53 มีจำนวน 1.31 ล้านคน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 8.6 ต่อปี
  • ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือน ต.ค. 53 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ 151,000 ตำแหน่งการส่งออกจีนเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวร้อยละ 22.9 ต่อปี
  • อัตราว่างงานออสเตรเลียเดือน ต.ค. 53 อยู่ที่ร้อยละ 5.4 ของกำลังแรงงานรวม สูงสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 53

Indicators next week

 Indicators                       Forecast            Previous
Oct: TISI                           100.0               100.8
  • สาเหตุหลักจากภัยน้ำ ท่วม ที่คาดว่าจะส่งผลต่อผลิตผลสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรให้ได้รับความเสียหาย และยังส่งผลต่อการจัดส่งสินค้าอุตสาหกรรม

ทำให้ผู้ประกอบการมีความวิตกกังวลต่อต้นทุนการประกอบการที่จะปรับเพิ่มขึ้นตามมา

Economic Indicators: This Week
  • สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์เดือน ก.ย. 53 อยู่ที่ 1.89 ล้านล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า จากเงินฝากและเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นในปริมาณที่มากกว่าสินเชื่อ ซึ่งหากวิเคราะห์ด้านของเงินฝากจะพบว่า เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นที่ร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
(หักปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ผลจากการที่ธนาคารพาณิชย์นำผลิตภัณฑ์เงินออมพิเศษออกมาสร้างแรงจูงใจในการออมอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาฐานลูกค้า นอกจากนี้ เงินกู้ยืมธนาคารพาณิชย์ในช่วงดังกล่าวได้มีการปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเช่นกันในขณะที่สินเชื่อขยายตัวร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าจากความต้องการสินเชื่อยังมีอยู่สูง ตามเศรษฐกิจที่สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้จะมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าขึ้น
  • รายได้สุทธิของรัฐบาล (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน ต.ค. 53 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 มีจำนวนทั้งสิ้น 122.5 พันล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.9 ต่อปี และสูงกว่าประมาณการ 5.3 พันล้านบาทหรือร้อยละ 4.5 สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจนทั้งด้านการใช้จ่าย
ภายในประเทศและรายได้ประชากร โดยภาษีฐานการบริโภค(ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 5.9 แม้จะหดตัวร้อยละ -1.4 เมื่อ เทียบกับเดือนก่อนหน้าและปรับผลทางฤดูกาลแล้ว ในขณะที่ภาษีฐานรายได้ (ผลรวมของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล)
ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 10.6 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ในเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวร้อยละ 4.5 ต่อปี ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 7.1 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -1.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (ปรับผลทางฤดูกาลแล้ว) เนื่องจากปัจจัยฐานเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้ว พบว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่จัดเก็บบนการบริโภคในประเทศยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องโดยได้รับปัจจัยจากกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
  • ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์รวมในเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวร้อยละ 53.8 ต่อปี ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 85.1 ต่อปี การขยายตัวของภาษีอสังหาริมทรัพย์รวมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับตลาดทาวน์เฮ้าส์-อาคารพาณิชย์และอาคารชุดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนทาวน์เฮ้าส์-อาคารพาณิชย์ และอาคารชุดที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่จากธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.ย. 53 ที่ขยายตัวร้อยละ 17.3 และ 18.0 ต่อปี ตามลำดับ รวมถึงดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเดือนก.ย. 53 ที่วัดจากข้อมูลสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ
109.2 จากระดับ 108.6 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุปสงค์เพื่อที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง
  • ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ในเดือน ต.ค. 53 อยู่ที่ 1.49 แสนคัน คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 14.4 ต่อปี ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 15.7 ต่อปี หรือคิดเป็นการหดตัวที่ร้อยละ -0.9 ต่อเดือน เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลแล้วเนื่องจากปัจจัยฐานที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับผลกระทบจาก
ปัญหาน้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายภาคเหนือและภาคกลางลดลง แต่ในภาคอีสานพบว่ายังขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือน ต.ค. 53 ยังขยายตัวได้ดี โดยได้รับปัจจัยบวกจากรายได้เกษตรกรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีตามราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ปริมาณ
จำหน่ายรถจักรยานยนต์ในช่วง 10 เดือนแรก ปี 53 ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 21.9 ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือน ต.ค. 53 อยู่ที่ระดับ 71.6 ถือเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน จากเดือนก่อนที่อยู่ที่ระดับ 73.5 ผลจาก 1) ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ 2) ความกังวลจากความไม่แน่นอนในการ
ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ 3) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนต.ค.53 มีจำนวน 1.31 ล้านคน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 8.6 ต่อปี หรือขยายตัวร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (ปรับผลทางฤดูกาลแล้ว) โดยเป็นการขยายตัวในระดับสูงจากกลุ่มเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย จีน และเกาหลี ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 15.9 19.6 และ 87.1 ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่ กลุ่มประเทศอเมริกาและตะวันออกกลางมีการหดตัวลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -4.3 และ -0.4 ต่อปีตามลำดับ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยนับจากต้นปีมีจำนวนทั้งสิ้น 12.5 ล้านคน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 12.8 ต่อปี สะท้อนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
Economic Indicators: Next Week
  • ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) เดือนต.ค. 53 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 100.0 ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 100.8 โดยมีสาเหตุหลักจากภัยน้ำท่วม ที่ส่งผลต่อผลิตผลสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรให้ได้รับความเสียหาย และยังส่งผลมีต่อการจัดส่งสินค้าอุตสาหกรรม ทำให้ผู้ประกอบการมีความวิตกกังวลต่อต้นทุนการประกอบการที่จะปรับเพิ่มขึ้นตามมา

Global Economic Indicators: This Week

USA: mixed signal
  • การส่งออกสินค้าและบริการเดือน ก.ย. 53 ขยายตัวร้อยละ 14.8 ต่อปี หรือร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อนหน้า (%mom_sa) ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 17.0 ต่อปีแต่ชะลอลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -1.0 จากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลลดลงมาอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการขาดดุลกับจีนถึง 2.78 หมืนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payrolls) ในเดือน ต.ค. 53 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนที่ 151,000 ตำแหน่งงาน อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานในเดือนต.ค. 53 ยังคงอยู่ในระดับเดิมเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ 9.6 ของกำลังแรงงานรวม สัญญาซื้อบ้าน(Pending Home Sales) เดือนก.ย. 53 ลดลงร้อยละ -1.8 จากเดือนก่อนหน้า (%mom_sa) สะท้อนความเปราะบางในภาคอสังหาริมทรัพย์
China: mixed signal
  • การส่งออกเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวที่ร้อยละ 22.9 ต่อปี ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 25.3 ต่อปี ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ธนาคารกลางจีนให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มอัตราส่วนเงินทุนสำรองอีก 50bps จากความเสี่ยงที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ต.ค. 53 เร่งขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ร้อยละ 4.4 ต่อปี ด้านอุปสงค์ในประเทศพบว่ามีสัญญาณชะลอลง โดยการลงทุนในเขตเมือง (Urban Fixed Asset Investment) ช่วง 10 เดือนแรกของปี 53 ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 24.4 ต่อปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวชะลอลงเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ 13.1 ต่อปี ยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 18.6 ต่อปี
Japan: worsening economic trend
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. 53 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สะท้อนความกังวลของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงาน คำสั่งซื้อเครื่องจักรเดือน ก.ย. 53 หดตัวร้อยละ -9.2 จากเดือนก่อนหน้า (%mom_sa)
South Korea: improving economic trend
  • อัตราการว่างงานในเดือน ต.ค. 53 ลดลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 3.6 ของกำลังแรงงานรวม จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 67,000 คน สะท้อนอุปสงค์ในประเทศที่น่าจะสามารถขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในระยะต่อไป
Malaysia: improving economic trend
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. 53 ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 5.6 ต่อปี โดยมีปัจจัยสำคัญจากการขยายตัวเร่งขึ้นของการผลิตในอุตสาหกรรมสินแร่
Taiwan: improving economic trend
  • การส่งออกในเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวร้อยละ 21.9 ต่อปี เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 17.5 ต่อปีจากการส่งออกไปสหรัฐฯที่ขยายตัวเร่งขึ้น บ่งชี้อุปสงค์จากนอกประเทศที่ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง การนำเข้าในเดือน ต.ค. 53 ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 27.9 ต่อปี
Philippines: improving economic trend
  • การส่งออกในเดือน ก.ย. 53 ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 46.1 ต่อปี จากการขยายตัวของการส่งออกในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ บ่งชี้อุปสงค์จากภายนอกประเทศที่ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
Australia: mixed signal
  • อัตราว่างงานเดือน ต.ค. 53 อยู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ม.ค.53 ที่ร้อยละ 5.4 ของกำลังแรงงานรวม
Weekly Financial Indicators

นักลงทุนต่างชาติเทขายการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ส่งผลให้ดัชนี SET ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงต้นสัปดาห์มาทรงตัวที่ระดับ 1029.86 โดยปัจจัยหลักมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปหลังข่าวไอร์แลนด์ประกาศลดการขาดดุลงบประมาณประกอบกับนักลงทุนเฝ้ารอผลการประชุม G20 โดยเฉพาะหัวข้อเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อในตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า จากการที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่จะมีออกมาอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้

ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ก่อนที่จะอ่อนลงมาอยู่ที่ระดับ 29.73 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากแรงกดดันจากเงินลงทุนต่างชาติที่เข้ามาสู่ตลาดหลักทรัพย์และพันธบัตรเริ่มลดลงจาก risk aversion ที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.44 จากการที่นักลงทุนเทขายสกุลเงินต่าง ๆ และเข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐและทองคำ เนื่องจากตลาดมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe haven) แลทำให้ค่าเงินยูโรและเยนและค่าเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่อ่อนค่าลงมากกว่าค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ