นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนธันวาคม 2553 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2553 ดังนี้
ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ
1. การกู้เงินภาครัฐ
1.1 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล
การกู้เงินในประเทศของรัฐบาลในเดือนธันวาคม 2553
ในเดือนธันวาคม 2553 กระทรวงการคลังได้เบิกเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 100,940.09 ล้านบาท และกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 17,000 ล้านบาท
1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 53,020.95 ล้านบาท
2. การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 112,940.09 ล้านบาท
1.2 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ
การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนธันวาคม 2553
ในเดือนธันวาคม 2553 รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวมกันทั้งสิ้น 4,684.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2,597.45 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 7,421.25 ล้านบาท
2. การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ
2.1 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนธันวาคม 2553
ในเดือนธันวาคม 2553 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง (FIDF 3) โดยการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 8,000 ล้านบาท โดยนำเงินที่ได้ชำระคืนเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3) ต่อไป ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนดังกล่าวจะไม่ปรากฏในตารางที่ 3 เนื่องจากจะเป็นการนับซ้ำกับ การปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รายงานไปแล้วในเดือนสิงหาคม 2553
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 2,000 ล้านบาท และโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 6,000 ล้านบาท
2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนธันวาคม 2553
ในเดือนธันวาคม 2553 รัฐวิสาหกิจได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศรวมกันเป็นเงิน 1,573 ล้านบาท ลดลง จากเดือนก่อนหน้า 1,110.77 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา มีจำนวนรวม 7,686.77 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4 และแผนภาพที่ 4 ตามลำดับ
3. การชำระหนี้ภาครัฐ
ในเดือนธันวาคม 2553 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้โดยใช้เงินงบประมาณ รวม 13,950.07 ล้านบาท ดังนี้
- ชำระหนี้ในประเทศ 13,851.82 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 3,423 ล้านบาท และดอกเบี้ย 10,428.82 ล้านบาท
- ชำระหนี้ต่างประเทศ 80.29 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 64.16 ล้านบาท ดอกเบี้ย 14.92 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 1.21 ล้านบาท
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมรวม 26,328.22 ล้านบาท ดังรายละเอียดตามแผนภาพที่ 5 และ 6
1,060,120.57 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 171,084.44 ล้านบาท และ
หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 30,611.16 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 35,153.35 ล้านบาท โดยหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 12,255.27 ล้านบาท 4,267.45 ล้านบาท และ 31,481.04 ล้านบาท ตามลำดับ โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 12,850.41 ล้านบาท ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้น ไม่มีหนี้คงค้าง โดยรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะ มีดังนี้
1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
1.1 หนี้ในประเทศ
หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 12,850.41 ล้านบาท โดยที่สำคัญเกิดจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 20,020.95 ล้านบาท
- การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 พ.ศ. 2545 (FIDF 3) โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 12,000 ล้านบาทโดยนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของ FIDF 3 จำนวน 4,011.81 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF1 และ FIDF 3) ต่อไป
- การเบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 6,000 ล้านบาท
1.2 หนี้ต่างประเทศ
หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลงจากเดือนก่อน 1,583.73 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 67.37 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 65.70 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 0.94 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 1.25 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายประมาณ 25.48 ล้านเยน หรือคิดเป็น 0.29 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 0.71 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยมีรายละเอียดหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงในสกุลเงินต่างๆ
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
2.1 หนี้ในประเทศ
2.1.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 2,886.02 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ได้ไถ่ถอนพันธบัตรรวม 2,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 886.02 ล้านบาท
2.1.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 3,042.30 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ไถ่ถอนพันธบัตร 90 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 224.20 ล้านบาท
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ทำการยกเลิกสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินเหรียญสหรัฐ จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินบาท 3,356.50 ล้านบาท
2.2 หนี้ต่างประเทศ
2.2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันลดลงจากเดือนก่อน 6,031.59 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 244.77 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 225.90 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการไถ่ถอนประมาณ 1,367.12 ล้านเยน หรือคิดเป็น 16.67 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 2.20 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ
2.2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันลดลงจากเดือนก่อน 6,379.96 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 249.27 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 128.56 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 8.81 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 11.56 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการไถ่ถอนประมาณ 769.45 ล้านเยน หรือคิดเป็น 9.15 ล้านเหรียญสหรัฐ
- บริษัท ปตท. (จำกัด) มหาชน ได้ทำการยกเลิกสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินเหรียญสหรัฐ จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินบาท 3,356.50 ล้านบาท
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาล ไม่ค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ
3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
3.1 หนี้ในประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลง 4,044.49 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มีการชำระคืนต้นเงินกู้ 3,044.49 ล้านบาท
3.2 หนี้ต่างประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ลดลงจากเดือนก่อน 222.96 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.27 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.98 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 1.29 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ
4. หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 31,481.04 ล้านบาท เนื่องจากการไถ่ถอนพันธบัตรในส่วนที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันจำนวน 31,000 ล้านบาท และการลดลงของหนี้สินหมุนเวียน
หนี้สาธารณะ จำนวน 4,166,321.98 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 351,167.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.43 และหนี้ในประเทศ 3,815,154.42 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.57 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 4,048,819.51 ล้านบาท หรือร้อยละ 97.18 และหนี้ระยะสั้น 117,502.47 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.82 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 6/2554 24 มกราคม 54--