สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจากรุงวอชิงตัน ขอรายงานมติของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Open Market Committee: FOMC) ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป้าหมาย (Target Range for the Federal Funds Rate) ที่ระหว่างร้อยละ 0 และร้อยละ 0.25 ในการประชุมระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2553 มีรายละเอียดดังนี้
คณะกรรมการ FOMC กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวลง ประกอบกับตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะมีการขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงได้รับแรงกดดันจาก (1) อัตราการว่างงานที่ระดับสูง (2) รายได้ส่วนบุคคลที่ขยายตัวในระดับปานกลาง (3) ความมั่งคั่งของครัวเรือน (Household Wealth) ที่ปรับลดลง และ (4) ภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ส่วนปริมาณการลงทุนของภาคธุรกิจในด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ซอฟแวร์ขยายตัวในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2553 ขณะที่ปริมาณการลงทุนของภาคธุรกิจในสินทรัพย์ถาวรที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในระดับที่ต่า และมีความลังเลในการขยายปริมาณการจ้างงาน ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในระดับที่จะกดดันสภาวะเศรษฐกิจต่อไป ในส่วนของภาวะเงินเฟ้อ ระดับเงินเฟ้อระยะยาวอยู่ในระดับคงที่ ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มที่ลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา
คณะกรรมการ FOMC เห็นว่า ระดับอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเป้าหมายที่ก่อให้เกิดการจ้างงานสูงสุดและเสถียรภาพทางราคา อีกทั้ง การขยายปริมาณการใช้ทรัพยากร (Resource Utilization) ในช่วงที่ผ่านมาไม่ประสบความสาเร็จตามที่คาดการณ์ไว้
ดังนั้น คณะกรรมการ FOMC จึงมีมติให้ขยายปริมาณการถือครองตราสารหนี้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยจะทาการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมจานวน 600 พันล้านเหรียญ สรอ. จากตลาดการเงินภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 ด้วยอัตราการซื้อเพิ่มที่ประมาณ 75 พันล้านเหรียญ สรอ. ต่อเดือน ตลอดจนจะยังคงดาเนินมาตรการเดิมเช่นเดียวกับช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาในการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมจากเงินต้นทุนที่ได้รับคืนจากตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานรัฐบาล (Agency Debt) และตราสารหนี้หนุนโดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ได้รับการค้าประกันโดยหน่วยงานของรัฐ (Agency Mortgaged-Back Securities) ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ถืออยู่
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระหว่างร้อยละ 0 และ ร้อยละ 0.25 เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสร้างเสถียรภาพทางราคา และคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่าต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th