ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ดัชนีเศรษฐกิจที่สาคัญในเดือนธันวาคม 2553
2. พรรค Democratic Party of Japan (DPJ) ประกาศที่จะแก้ไขนโยบายของพรรคที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างภาษีและการประกันสังคม
-----------------------------------
1.1 ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) เดือนธันวาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1
กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Economic Trade and Industry)ได้เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) ของเดือนธันวาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว มาอยู่ที่ระดับ 94.6 (ปี 2548=100) ซึ่งการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน เนื่องจากการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ และยุโรปและรถยนต์ขนาดเล็กไปยังประเทศภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น ในขณะที่สภาวะการตลาดจำหน่ายรถยนต์ในญี่ปุ่นยังซบเซาอยู่ และยอดการผลิตเครื่องโทรศัพท์มือถือก็มีเพิ่มขึ้น
1.2 ดัชนีราคาผู้บริโภค (Core Consumer Price Index)
กระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารได้เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคยกเว้นอาหารสด (CPI, ปี 2548=100) ประจำเดือนธันวาคม 2553 ลดลงร้อยละ 0.4 อยู่ที่ 99.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 22 เดือนแล้ว เนื่องจากการซื้อโทรทัศน์จอ LCD ลดลง เนื่องจากเงื่อนไขในการได้รับแต้ม eco-point เปลี่ยนแปลง
1.3 อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate)
อัตราการว่างงานเดือนธันวาคม 2553 อยู่ที่ร้อยละ 4.9 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนที่แล้วที่มีอัตราว่างงานอยู่ที่ 5.1 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำกว่าร้อยละ 5 เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน
1.4 การใช้จ่ายบริโภคเดือนพฤศจิกายน 2553 ลดลงร้อยละ 0.2
กระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารได้เปิดเผยว่าการใช้จ่ายบริโภคประจำเดือนธันวาคม 2553 ลดลงร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งลดลงติดต่อกัน 3 เดือนแล้ว เป็นผลมาจากมียอดการบริโภครถยนต์ลดลงอย่างมาก หลังจากรัฐบาลยกเลิกเงินอุดหนุนสำหรับการซื้อรถยนต์ประหยัดน้ำมัน (Eco car)
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 นาย Naoto Kan นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรว่ารัฐบาลจะต้องพิจารณาแก้ไขปรับปรุงเนื้อหานโยบายของพรรค Democratic Party of Japan (DPJ) ที่ได้ให้สัญญาไว้ในตอนหาเสียงเลือกตั้งก่อนได้เป็นรัฐบาลในปี 2552 โดยนโยบายดังกล่าวจะต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการเป็นจานวนเท่ากับ 16 ล้านล้านเยน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยอมรับว่าทางพรรค DPJ ได้คำนวณรายรับของรัฐบาลผิดพลาดในบางส่วนทำให้ในความเป็นจริงแล้วมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะดำเนินการได้ เช่นการให้เงินสนับสนุนครัวเรือนที่มีบุตรนั้นเดิมได้ตั้งจำนวนสูงสุดไว้ที่ 26,000 เยนต่อ 1 คน แต่ในร่างงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2554 ที่รัฐบาลได้เสนอต่อสภานั้นได้กำหนดให้ครัวเรือนที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีให้ได้รับเงินเป็นจำนวน 20,000 เยนต่อคน และสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปจนกระทั่งจบการศึกษาชั้นมัธยมต้นได้รับเงินเป็นจานวน 13,000 เยนต่อคน รวมทั้งนโยบายการยกเลิกภาษีน้ำมันที่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการเริ่มดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงข้างมากในสภาได้แสดงความไม่เห็นด้วยในนโยบายดังกล่าว จึงทำให้มีความเสี่ยงที่ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวอาจจะจะไม่ผ่านสภาในครั้งนี้ได้โดยพรรครัฐบาลมีกำหนดที่จะพิจารณาแก้ไขนโยบายดังกล่าวในช่วงเดือนกันยายน 2554 แต่สำหรับนโยบายบางส่วนจะต้องมีการพิจารณาก่อน เช่นด้านระบบประกันสังคมนั้นรัฐบาลจะจัดทำร่างแผนปรับปรุงระบบประกันสังคมภายในเดือนเมษายน 2554 และร่างแผนปรับปรุงระบบภาษีภายในเดือนมิถุนายน 2554
นาย Kaoru Yosano รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจและนโยบายการคลังได้ให้สัมภาษณ์ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพรรคการเมืองทุกพรรคทราบทั่วกันดีว่ารัฐบาลมีความจาเป็นจะต้องขึ้นอัตราภาษีเพื่อนารายได้ไปสนับสนุนกิจการประกันสังคมที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีเนื่องจากจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้รัฐบาลมีแผนจะเพิ่มอัตราภาษีบริโภค (Consumption Tax) ขึ้นจากปัจจุบันร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 10 ภายหลังจากเดือนสิงหาคมปี 2556 และนาย Yosano ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าการแก้ไขปรับปรุงระบบประกันสังคมและระบบภาษีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้โดยความเห็นของพรรคเดียวจึงอยากให้ทุกพรรคร่วมหารือและวางแผนในประเด็นดังกล่าวเพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพด้วย
การประกาศแผนการขึ้นภาษีบริโภคครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศญี่ปุ่นอาจจะประสบปัญหาทางการคลังอย่างแท้จริงในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากเดิมพรรค DPJ ได้แสดงจุดยืนตอนเลือกตั้งว่าจะไม่พิจารณาขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวระหว่างช่วง 4 ปีที่เป็นรัฐบาลหากได้รับเลือก และโดยปกติแล้วทุกพรรคการเมืองพยายามจะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีระหว่างที่เป็นรัฐบาลเนื่องจากจะทาให้คะแนนความนิยมลดลง แต่ปัจจุบันพรรค DPJ ได้แสดงความต้องการที่จะขึ้นอัตราภาษีดังกล่าวอย่างชัดเจน และเรียกร้องให้หลายฝ่ายร่วมมือด้วย รวมทั้งการกำหนดที่จะขึ้นภาษีดังกล่าวในช่วงหลังเดือนสิงหาคม 2556 โดยเป็นช่วงที่รัฐบาลปัจจุบันจะหมดวาระลงและจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าสถานะการคลังปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่นนั้นกำลังมีเริ่มมีปัญหาอย่างแท้จริงจนทำให้รัฐบาลปัจจุบันจำเป็นต้องเลือกการขึ้นภาษีเพื่อที่จะรักษาสถานะการคลังไว้ถึงแม้จะทำให้ความนิยมของพรรคนั้นลดลงก็ตาม
สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th