ผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนมกราคม 2554 และรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 16, 2011 08:36 —กระทรวงการคลัง

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนมกราคม 2554 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 ดังนี้

ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ

1. การกู้เงินภาครัฐ

1.1 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล

การกู้เงินในประเทศของรัฐบาลในเดือนมกราคม 2554

ในเดือนมกราคม 2554 กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 15,000 ล้านบาท

ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำการกู้เงินรวม 180,961.04 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 68,020.95 ล้านบาท

2. การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 112,940.09 ล้านบาท

1.2 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ

การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนมกราคม 2554

ในเดือนมกราคม 2554 รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวมกันทั้งสิ้น 2,781.32 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 1,903.03 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 10,202.57 ล้านบาท

2. การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ

2.1 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล

การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนมกราคม 2554

ในเดือนมกราคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง (FIDF 3) โดยการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนรวม 32,000 ล้านบาท

2.1.1 พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 10 มกราคม 2554 จำนวน 30,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 10,000 ล้านบาท กู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน 10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ จำนวน 10,000 ล้านบาท ได้ทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3)

2.1.2 พันธบัตรออมทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 15 มกราคม 2554 จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3)

การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา

ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 40,000 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 34,000 ล้านบาท และโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 6,000 ล้านบาท

2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนมกราคม 2554

ในเดือนมกราคม 2554 รัฐวิสาหกิจได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศรวมกันเป็นเงิน 4,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากเดือนก่อนหน้า 2,799 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนรวม 12,058.77 ล้านบาท

3. การชำระหนี้ภาครัฐ

ในเดือนมกราคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้โดยใช้เงินงบประมาณ รวม 15,738.74 ล้านบาท ดังนี้

  • ชำระหนี้ในประเทศ 15,516.41 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 621.03 ล้านบาท และดอกเบี้ย 14,895.38 ล้านบาท
  • ชำระหนี้ต่างประเทศ 222.33 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 149.82 ล้านบาท ดอกเบี้ย 72.51 ล้านบาท

ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมรวม 42,049 ล้านบาท

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 มีจำนวน 4,279,903.65 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.49 ของ GDP โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 3,002,422.91 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,078,805.56 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 168,092.18 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 30,583.00 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 113,581.67 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง และหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 97,917.10 ล้านบาท และ 18,684.99 ล้านบาท ตามลำดับ หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาล ค้ำประกัน) และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 2,992.26 ล้านบาท และ 28.16 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 6 โดยรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะ มีดังนี้

1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง

1.1 หนี้ในประเทศ

หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 96,517.09 ล้านบาท โดยที่สำคัญเกิดจาก

  • การเบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 100,940.09 ล้านบาท
  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 17,000 ล้านบาท
  • การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 พ.ศ. 2545 (FIDF 3) โดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 8,000 ล้านบาท โดยนำเงินที่ได้ไปชำระคืนเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF1 และ FIDF 3) ต่อไป

1.2 หนี้ต่างประเทศ

หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1,400.01 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 50.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

  • ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 50.79 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 1.33 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 1.76 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายประมาณ 168.97 ล้านเยน หรือคิดเป็น 2.05 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 0.69 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยมีรายละเอียดหนี้ต่างประเทศที่รัฐบาลกู้โดยตรงในสกุลเงินต่างๆ

2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน

2.1 หนี้ในประเทศ

2.1.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 8,566.25 ล้านบาท โดยเกิดจาก

  • องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ไถ่ถอนพันธบัตรรวม 2,900 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 5,666.25 ล้านบาท

2.1.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 22,107.93 ล้านบาท โดยเกิดจาก

  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกพันธบัตรและไถ่ถอนพันธบัตร 2,550 ล้านบาท และ 357.96 ล้านบาท
  • รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 19,915.89 ล้านบาท

2.2 หนี้ต่างประเทศ

2.2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5,244.96 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 185.80 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

  • ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 173.68 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 6.16 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 8.16 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายมากกว่าการไถ่ถอนประมาณ 2,003.34 ล้านเยน หรือคิดเป็น 24.16 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 3.88 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินเหรียญสหรัฐ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

2.2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันลดลงจากเดือนก่อน 101.65 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.54 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

  • ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 38.89 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 10.46 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 13.56 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินเยนได้มีการไถ่ถอนประมาณ 710.28 ล้านเยน หรือคิดเป็น 8.67 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 10.12 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลไม่ค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ในประเทศ

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลง 3,090 ล้านบาท โดยเกิดจาก

  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ไถ่ถอนพันธบัตร 2,000 ล้านบาท และ 1,090 ล้านบาท ตามลำดับ

3.2 หนี้ต่างประเทศ

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 97.74 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.74 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก

  • ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.67 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 0.46 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 0.61 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 0.32 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ

ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินเหรียญสหรัฐหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ

4. หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 28.16 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของหนี้สินหมุนเวียน

หนี้สาธารณะ จำนวน 4,279,903.65 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 357,808.62 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.36 และหนี้ในประเทศ 3,922,095.03 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.64 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 4,192,171.54 ล้านบาท หรือร้อยละ 97.95 และหนี้ระยะสั้น 87,732.11 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.05 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 10/2554 8 กุมภาพันธ์ 54--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ