รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 26 เมษายน 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 26, 2011 12:06 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 26 เมษายน 2554

Summary:

1. บางจากให้บอร์ดตัดสินใจจะตรึงดีเซลต่อถึง ก.ย. 54 หรือไม่

2. สารพัดแบงก์แห่ขึ้นดอกเบี้ยดักทางเงินฝากออมทรัพย์-ประจำ

3. ยอดผลิตรถยนต์ Honda ในญี่ปุ่นลดกว่าร้อยละ 60

Highlight:
1. บางจากให้บอร์ดตัดสินใจจะตรึงดีเซลต่อถึง ก.ย. 54 หรือไม่
  • กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม จะเสนอบอร์ดให้ตัดสินใจเกี่ยวกับการตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร หลังเดือนเม.ย. หลังจากรัฐบาลกำหนดนโยบายตรึงราคานี้ไปถึงเดือน ก.ย. ซึ่งทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ยในช่วงตรึงราคานับจาก ธ.ค. 53 เหลือเพียง 1 บาท/ลิตร ต่ำกว่าอัตราที่เหมาะสมที่ควรเป็นที่ 1.5 บาท/ลิตร และทำให้บริษัทรับภาระไปแล้วกว่า 300-400 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการต่อไป
  • สศค.วิเคราะห์ว่า รัฐบาลมีมติกำหนดนโยบายดูแลราคาดีเซลให้อยู่ที่ 30 บาทไปจนถึงสิ้น ก.ย. 54 โดยอาศัยนโยบายลดภาษีน้ำมันดีเซล ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลในอัตราเท่ากัน เพื่อบรรเทาปัญหาต้นทุนขนส่งและการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบ 115.91 ดอลล่าสหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ว่าต้องติดตามว่าปัญหาความไม่สงบในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันว่าจะเกิดต่อเนื่องไปยังซาอุฯและอิหร่าน (ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 1 และ 2 ของโลก ที่กำลังการผลิต 8.1 และ 3.7 ล้านบาร์เรล/วัน ตามลำดับ) หรือไม่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะกระทบให้ราคาน้ำมันถีบตัวเพิ่มขึ้น
2. สารพัดแบงก์แห่ขึ้นดอกเบี้ยดักทางเงินฝากออมทรัพย์-ประจำ
  • ธนาคารพาณิชย์โดยบมจ.ทิสโก้ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1-36 เดือนเป็น 2.15-3.25% จาก 1.90-3.00%ต่อปี และเงินฝากประจำเมื่อทวงถามเป็น 1.50% จาก 1.25% ตามด้วยบมจ.กรุงไทยที่ปรับขึ้นเงินฝากทุกประเภทระหว่าง 0.10-0.25% และดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% หลังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกมาแสดงความเป็นห่วงถึงอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่แท้จริงอยู่ที่ 2.9% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนที่แท้จริงติดลบ 1.77% ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นอีกในอนาคต และสะท้อนถึงการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ในการดึงเงินฝากและจะผลักดันให้แต่ละธนาคารออกผลิตภัณฑ์เงินฝากจูงใจผู้ฝากเงินเป็นระลอก
  • สสค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มนโยบายอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 2.75 และมีแนวโน้มว่าอาจปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากเพิ่มขึ้น เพื่อระดมเงินฝากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังไม่สูงมากนัก ทั้งนี้ สสค.คาดว่า ณ สิ้นปี 54 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในช่วงร้อยละ 2.75 - 3.75 ตามแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
3. ยอดผลิตรถยนต์ Honda ในญี่ปุ่นลดกว่าร้อยละ 60
  • บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า การผลิตรถยนต์ฮอนด้าในญี่ปุ่นในเดือน มี.ค. 54 ลดลงร้อยละ 62.9 เนื่องจากผลกระทบจากภัยพิบัติสึนามิ โดยยอดการผลิตรถยนต์ลดลงเหลือ 34,754 คัน ขณะที่การผลิตโดยรวมของฮอนด้าทั่วโลกลดลงร้อยละ 19.2 เหลือ 282,254 คัน อย่างไรก็ตาม การผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกในช่วง 3 เดือนแรกของปื 54 มีจำนวน 3,575,362 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภัยพิบัติสึนามิในประเทศญี่ปุ่นทำให้ภาคการผลิตของญี่ปุ่นหยุดชะงักลง โดยเฉพาะการผลิตยานยนต์ในประเทศ เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อการผลิตและส่งออกยานยนต์ของไทย เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิต (Hub) ยานยนต์ของบริษัทผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นหลายบริษัทและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังมีการพึ่งพิงส่วนประกอบจากบริษัทแม่ในญี่ปุ่นอยู่บ้าง โดยในปี 53 ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นอันดับ 1 ของไทย โดยมีสัดส่วนร้อยละ 15.7 ของการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนแรก ของปี 54 ยอดส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนยังคงขยายตัวในระดับสูงร้อยละ 64.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ