นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนพฤษภาคม 2554 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนเมษายน 2554 ดังนี้
ผลการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ
1. การกู้เงินภาครัฐ
1.1 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐบาล
การกู้เงินในประเทศของรัฐบาลในเดือนพฤษภาคม 2554
ในเดือนพฤษภาคม 2554 กระทรวงการคลังได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 5,333.0 ล้านบาท
ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำการกู้เงินรวม 247,877.68 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
1. การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 134,937.59 ล้านบาท
2. การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 112,940.09 ล้านบาท
1.2 ผลการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ
การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนพฤษภาคม 2554
ในเดือนพฤษภาคม 2554 รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ รวมกันทั้งสิ้น 7,129.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4,100.30 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 24,485.01 ล้านบาท
2. การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ
2.1 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาล
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในเดือนพฤษภาคม 2554
ในเดือนพฤษภาคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ดังนี้
2.1.1 การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูระยะที่สอง (FIDF 3) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 4,113.83 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรที่ครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 728.46 ล้านบาท
เพื่อนำไปคืนเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (Premium FIDF 1 และ FIDF 3) ในเดือนมกราคมจำนวน 2,000 ล้านบาท และเดือนมีนาคม 1,385.37 ล้านบาท ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนดังกล่าวจะไม่ปรากฏในตารางที่ 3 เนื่องจากจะเป็นการนับซ้ำกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่ได้รายงานไปแล้ว
2.1.2 การแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ 26,000 ล้านบาท
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา
ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2554 กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 169,549.83 ล้านบาท โดยเป็นการปรับโครงสร้างเงินกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้ จำนวน 31,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างเงินกู้ชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ FIDF 3 จำนวน 75,949.83 ล้านบาท เงินกู้โครงการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 62,600 ล้านบาท
2.2 การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ
การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในเดือนพฤษภาคม 2554
ในเดือนพฤษภาคม 2554 รัฐวิสาหกิจได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศรวมกันเป็นเงิน 24,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้การปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนรวม 43,912.77 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ของรัฐบาล
ในเดือนพฤษภาคม 2554 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้โดยใช้เงินงบประมาณ รวม 17,358.21 ล้านบาท ดังนี้
- ชำระหนี้ในประเทศ 8,036.98 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 505.77 ล้านบาท ดอกเบี้ย 7,531.21 ล้านบาท
- ชำระหนี้ต่างประเทศ 9,321.23 ล้านบาท โดยเป็นการชำระต้นเงิน 9,197.36 ล้านบาท ดอกเบี้ย 123.27 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม 0.60 ล้านบาท
ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมรวม 79,391.88 ล้านบาท
*หมายเหตุ:
ประมาณการ GDP ปี 2553 และ 2554 เท่ากับ 10,104.82 พันล้านบาท และ 10,852.58 พันล้านบาท ตามลำดับ (สศช. ณ 23 พ.ค. 2554)
สบน. ได้ปรับวิธีการคำนวณ GDP ในแต่ละเดือน เพื่อให้สัดส่วน Debt/GDP สะท้อนค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด โดยได้คำนวณ GDP ของเดือนมีนาคม 2554 ดังนี้ [(GDP ปี 53/12)*9]+[(GDP ปี 54/12)*3] เท่ากับ 10,291.76 พันล้านบาท และ GDP ของเดือนเมษายน เท่ากับ 10,354.07 พันล้านบาท
3. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราซื้อและขาย ณ วันทำการสุดท้ายของเดือน
4. ตัวเลขในตารางเป็นตัวเลขเบื้องต้น (Preliminary) และไม่รวมหนี้ของ SPV จำนวน 23,999.90 ล้านบาท ที่รัฐบาลมีภาระผูกพันต้องจ่ายภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่อาคารสัญญาบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ และสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องของโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถ. แจ้งวัฒนะ
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เมษายน 2554 มีจำนวน 4,248,399.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.03 ของ GDP โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,995,070.58 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,064,082.78 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 158,190.38 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 31,055.80 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,284.86 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เพิ่มขึ้น 6,225.19 ล้านบาท ในขณะที่ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) และหนี้กองทุน เพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 1,789.35 ล้านบาท 2,149.89 ล้านบาท และ 1.09 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 6 โดยรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะ มีดังนี้
1. หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
1.1 หนี้ในประเทศ
หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 6,225.19 ล้านบาท โดยที่สำคัญเกิดจาก
- การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 16,000 ล้านบาท
- การไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน 5,000 ล้านบาท
- การไถ่ถอนตั๋วเงินคลัง 4,000 ล้านบาท
1.2 หนี้ต่างประเทศ
หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลงจากเดือนก่อน 381.36 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูป เงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.09 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 163.28 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 25.96 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการชำระคืนประมาณ 1,200.64 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 440.97 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 14.41 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 3.46 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 103.67 ล้านบาท
2. หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน
2.1 หนี้ในประเทศ
2.1.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 384.40 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ไถ่ถอนพันธบัตร หน่วยงานละ 1,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 1,615.60 ล้านบาท
2.1.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1,181.44 ล้านบาท โดยเกิดจาก
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีการออกพันธบัตร 1,200 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร 236.55 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้มีการไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท
- รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ น้อยกว่า ชำระคืนต้นเงินกู้ 1,144.89 ล้านบาท
2.2 หนี้ต่างประเทศ
2.2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 210.19 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 69.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาท เพิ่มขึ้น 790.59 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 88.78 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการชำระคืนประมาณ 1,559.90 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 572.91 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 19.14 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 0.25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 7.49 ล้านบาท
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรูปเงินเหรียญสหรัฐ หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ
2.2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันลดลงจากเดือนก่อน 433.70 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.64 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 1,163.20 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 89.97 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินยูโรได้มีการชำระคืนประมาณ 24.62 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 1,092.70 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 36.49 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการชำระคืนประมาณ 862.09 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 316.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 10.58 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการชำระคืนประมาณ 6.26 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 187.58 ล้านบาท
โดยรายละเอียดหนี้ต่างประเทศรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาล ม่ค้ำประกัน) ในสกุลเงินต่างๆ 3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)
3.1 หนี้ในประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 2,170 ล้านบาท โดยเกิดจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีการชำระคืนเงินกู้ระยะยาว 2,170 ล้านบาท
3.2 หนี้ต่างประเทศ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 20.11 ล้านบาท และเมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจาก
- ผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 48.78 ล้านบาท และในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.14 ล้านเหรียญสหรัฐ
- สกุลเงินเยนได้มีการชำระคืนประมาณ 78.05 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 28.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 0.96 ล้านเหรียญสหรัฐ
4. หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1.09 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของหนี้สินหมุนเวียน
หนี้สาธารณะ จำนวน 4,248,399.54 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 349,747.12 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.23 และหนี้ในประเทศ 3,898,652.42 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.77 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 4,218,894.02 ล้านบาท หรือร้อยละ 99.31 และหนี้ระยะสั้น 29,505.52 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.69 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนวิจัยนโยบายหนี้สาธารณะ สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5512
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 68/2554 20 มิถุนายน 54--