Macro Morning Focus ประจำวันที่ 1 กันยายน 2554
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ระบุลดราคาน้ำมันกดเงินเฟ้อทั่วไป ก.ย.54 ลงร้อยละ 0.5-1.0
2. หอการค้ามองนโยบายรัฐบาลใหม่กระตุ้น GDP โตเพิ่มไม่เกิน ร้อยละ 0.5
3. เงินเฟ้อของเยอรมนีส.ค. 54 อยู่ที่ ร้อยละ 2.3 สูงเกินมาตรฐานอีซีบี
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ระบุว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95, 91และน้ำมันดีเซล ที่ลดลงร้อยละ 16,15 และร้อยละ 10 ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคในหมวดพลังงานลดลงราวร้อยละ 5-10 โดยที่ราคาพลังงานมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ในดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ดังนั้นการลดลงของราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล จากการประกาศยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงราวร้อยละ 0.5-1.0 เหลือร้อยละ 3.0-3.5
- สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ก.ค. 54 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของราคาอาหารสำเร็จรูป, ราคาในหมวดยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยายอยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อนหน้าโดยอยู่ที่ร้อยละ 2.6 จากมาตรการลดราคาน้ำมันโดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ส่งผลให้มีส่วนช่วยลดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 54 จากมาตรการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ทั้งนี้ ทำให้คาดว่าทั้งปี 54 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ 3.8
- กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าไทย มองว่า จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล คาดว่าจะมีส่วนผลักดันให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทยในปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมไม่เกินอีกร้อยละ 0.5 และ หากราคาน้ำมันปรับลดลง 1 บาทจะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงร้อยละ 0.2-0.3 ซึ่งในกรณีของน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลง 3 บาท/ลิตร น่าจะมีผลทำให้เงินเฟ้อลด ร้อยละ 0.6
- สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.54 ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากการส่งออก ที่ขยายตัวร้อยละ 38.3 รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน และการบริโภคสินค้าคงทน ทั้งนี้ ด้านนโยบายของรัฐบาลในการชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดลง 8.20 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ลดลง 7.17 บาท/ลิตร และดีเซล ลดลง 3 บาท/ลิตร คาดว่าจะทำให้เงินเฟ้อในเดือน ก.ย. 54 ลดลง โดยทั้งปี 54 ประเมินว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.8 โดยแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 54 เชื่อว่าจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ยังเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี
- สำนักงานสถิติกลางเยอรมนี (เดสตาทิส) รายงานตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมนีในเดือนส.ค.ว่า อัตราเงินเฟ้อลดลงจากเดือนก.ค.54ที่ร้อยละ 0.1 มาอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.3 ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนียังคงสูงเกินมาตรฐานที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำหนดไว้ว่า อัตราเงินเฟ้อประจำปีควรจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงแต่ไม่เกินร้อยละ 2
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเยอรมนีในเดือน ส.ค.54 เป็นผลมาจากความกดดันเรื่องต้นทุนในอุตสาหกรรมพลังงานและอาหารที่ส่งสัญญาทำให้เงินเฟ้อลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยแรงกดดันจากเงินเฟ้ออาจส่งผลต่อการบริโภคภาคเอกชนและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมณีในปี 54 ประกอบกับปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจยุโรปเริ่มมีสัญญาณชะลอลงจากตัวเลขดัชนีคำสั่งซื้อผู้จัดการฝ่ายผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค. 54 ที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 49.7 ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. 54 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ -16.6 บ่งชี้ถึงแรงกดดันต่อการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปในช่วงที่เหลือของปี 54 ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ เดือน มิ.ย. 54 เศรษฐกิจยุโรปขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.3
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th