Macro Morning Focus ประจำวันที่ 20 กันยายน 2554
Summary:
1. เลขาอาเซียน แนะ เอสเอ็มอีไทย บุกตลาดอาเซียน
2. กรมส่งเสริมการส่งออกวางแผนเจาะตลาดจีน อินเดีย และรัสเซีย
3. อินโดนีเซียเตรียมพร้อมนโยบายรับมือเศรษฐกิจทรุดระลอกใหม่
Highlight:
1. เลขาอาเซียน แนะ เอสเอ็มอีไทย บุกตลาดอาเซียน
- เลขาธิการอาเซียน แนะว่า ไทยต้องพัฒนาศักยภาพของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดในประชาคมอาเซียน หรือ AEC ที่มีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐใน 3 ปีข้างหน้า โดยมองว่าปัจจุบันธุรกิจไทยมีความพร้อมจากการผลักดันของหน่วยงานภาคเอกชน ทั้งสภาหอกาค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อให้ธุรกิจไทยเป็นธุรกิจอันดับต้นๆ ในด้านกำลังการผลิตในภูมิภาค
- สศค. วิเคราะห์ว่า การก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่มีการเปิดเสรีทางการค้า บริการและการลงทุนจะทำให้การส่งออกของไทยไปตลาดอาเซียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าที่ลดลงซึ่งจะช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับสินค้าไทยเมื่อเทียบกับสินค้านอกกลุ่มอาเซียน โดยการส่งออกของไทยไปอาเซียนมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 16.4 ของการส่งออกรวมสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดอาเซียน ซึ่งการส่งออกไปอาเซียนในช่วง 7 เดือนแรกของปี 54 มีมูลค่าอยู่ที่ 22.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 23.5 จากการส่งออกสินค้าหลัก คือ รถยนต์และอุปกรณ์ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า และยางพารา อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการแข่งขันทางธุริจ
2. กรมส่งเสริมการส่งออกวางแผนเจาะตลาดจีน อินเดีย และรัสเซีย
- อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงแผนปฏิบัติงานในปี 2555 -2556 ว่าจะผลักดันการส่งออกสินค้าในปี 55 ให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.0 จากฐานการเติบโตของปี 54 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้เกินร้อยละ 15.0 หรือคิดเป็นมูลค่า 224,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายการส่งออกไปยังประเทศจีน อินเดีย และตลาดเกิดใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดหลัก เช่น สหรัฐและสหภาพยุโรป ที่มีสัญญาณเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจหลักอย่างสหรัฐฯและสหภาพยุโรปส่งสัญญาณชะลอตัวจากอัตราการว่างงาน และหนี้สาธารณะยังคงอยูในระดับสูง ทำให้ไทยเริ่มมีการกระจายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะจีนและอินเดียที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการหันมาค้าขายกันเองในภูมิภาคเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยในปี 54 ยังคงขยายตัวได้ในระดับสูง สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกปี 54 ที่ขยายตัวร้อยละ 25.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ สศค.คาดว่า การส่งออกไทยในปี 54 จะขยายตัวร้อยละ 16.6-18.6 คาดการณ์ ณ เดือน มิ.ย. 54 และจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในวันที่ 28 ก.ย. 54)
3. อินโดนีเซียเตรียมพร้อมนโยบายรับมือเศรษฐกิจทรุดระลอกใหม่
- รัฐบาลอินโดนีเซียเปิดเผยมาตรการใหม่ในการปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกระลอกในปีหน้า มาตรการดังกล่าวประกอบไปด้วย นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะเพิ่มการใช้จ่ายในด้านสาธารณูปโภค มาตรการจูงใจทางการคลัง และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางลงเพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายและเกิดการขยายตัวด้านธุรกิจในระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการบริโภคเป็นหลัก
- สศค. วิเคราะห์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวคาดว่าจะใช้วงเงินราว 73 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเพิ่มงบการใช้จ่ายของรัฐบาล และมาตรการด้านการคลังในรูปแบบของภาษีนำเข้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ เพื่อช่วยฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และทำช่วยให้เกิดการจ้างงานในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 9 ของประเทศไทยโดยมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 3.8 โดยเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของประเทศอินโดนีเซียมีการขยายตัวดีที่ร้อยละ 6.5 เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 ส่วนในช่วงที่เหลือของปี สศค.คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซียจะขยายตัวชะลอลงเล็กน้อยตามทิศทางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าทั้งปี 54 เศรษฐกิจของประเทศอินโดนีเซียจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 6.3 (คาดการณ์ ณ มิ.ย. 54)
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th