รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 27 กันยายน 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 27, 2011 11:34 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 27 กันยายน 2554

Summary:

1. ปตท.คาดระยะสั้นราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง

2. เอกชนจี้รัฐคลอดแผนรับมือวิกฤติสหรัฐ-อียู

3. IMF ยอมรับมีเงินไม่พอหากเศรษฐกิจโลกวิกฤตหนัก

Highlight
1. ปตท.คาดระยะสั้นราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
  • ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ (วันที่ 26-30 ก.ย. 54) โดยคาดว่าในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีแนวรับแนวต้านอยู่ที่ 100 - 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามลำดับ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงปลายปี 54 มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐและสหภาพยุโรปที่ยังคงประสบปัญหาการว่างงานและหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงทำให้ความต้องการน้ำมันใน 2 เขตเศรษฐกิจดังกล่าวลดลง ในขณะที่อุปทานค่อนข้างทรงตัว ทั้งนี้ ราคาน้ำดิบดูใบเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 54 - 26 ก.ย.54 อยู่ที่ 105.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและ สศค. คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 54 อยู่ที่ 101.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล(ช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 96.0 - 106.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) ประมาณการ ณ เดือน มิ.ย. 54 และจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในวันที่ 28 ก.ย. 54
2. เอกชนจี้รัฐคลอดแผนรับมือวิกฤติสหรัฐ-อียู
  • ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและสหภาพยุโรป(อียู) ที่มีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป ที่แต่ละประเทศมีแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแตกต่างกัน ทำให้ไม่มั่นใจว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอียูจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 54 จนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 55 เป็นต้นไป โดยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนอาจจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯและสหภาพยุโรปส่งสัญญาณชะลอตัวจากอัตราการว่างงาน และหนี้สาธารณะที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ไทยเริ่มมีการกระจายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะจีนและอินเดียที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการหันมาค้าขายกันเองในภูมิภาคเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยในปี 54 ยังคงขยายตัวได้ในระดับสูง สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกปี 54 ที่ขยายตัวร้อยละ 26.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ สศค.คาดว่า การส่งออกไทยในปี 54 จะขยายตัวร้อยละ 16.6-18.6 คาดการณ์ ณ เดือน มิ.ย. 54 และจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในวันที่ 28 ก.ย. 54
3. IMF ยอมรับมีเงินไม่พอหากเศรษฐกิจโลกวิกฤตหนัก
  • นางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้อำนวยการ IMF ยอมรับในการประชุมที่กรุงวอชิงตันว่าทรัพยากรทางการเงินของ IMF อาจไม่พอรับมือกับวิกฤตทางเศรษฐกิจขั้นรุนแรงของโลก โดยมีศักยภาพการปล่อยกู้ประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจไม่พอหากเกิดวิกฤตการเงินรุนแรงในประเทศต่างๆ ทั้งนี้ ในแผนปฏิบัติการสำหรับ 187 ประเทศเพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ จะเป็นประโยชน์ที่ทุกฝ่ายมานั่งหารือถึงความจำเป็นและทางเลือกต่างๆ ในยามฉุกเฉิน และเห็นควรมีเงินสำรองเพื่อรับมือวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น
  • สศค.วิเคราะห์ว่า วิกฤตการณ์ทางการคลังของสหรัฐและยุโรปจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และมีผลต่อภาระทางการเงินขององค์กรระหว่างประเทศต่างๆที่อาจต้องเข้าไปช่วยเยียวยาวิกฤตฯ ในอนาคต เนื่องจาก ประเทศใน 2 ภูมิภาคดังกล่าวมีบทบาทต่อห่วงโซ่การผลิต โดยมีการนำเข้าสินค้าจากภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชียถึงร้อยละ 39 และ 13 ของการนำเข้าทั้งหมดของประเทศและของกลุ่ม ตามลำดับ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกประมาณร้อยละ 70 ของ GDP โดยพึ่งพาตลาดสหรัฐและยุโรปรวมประมาณร้อยละ 20 ของการส่งออกรวม โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าขั้นกลางเพื่อใช้ในการผลิตต่อ อาทิ เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ยังคงมีการชะลอตัว ทั้งนี้ มาตรการหันไปพึงพาตลาดส่งออกหลักในแถบอาเซียนและตลาดเอเชีย (Emerging Market) แทนยุโรปและสหรัฐฯนั้น อาจไม่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เพราะตลาดเอเชียหรืออาเซียนเป็นตลาดของผู้ผลิตที่มีการค้าขายวัตถุดิบระหว่างกัน ขณะที่ตลาดที่ซื้อสินค้าสำเร็จรูปจริงๆของไทยนั้นอยู่แถบยุโรปและสหรัฐฯ ดังกล่าว

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ