รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2554

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2554

1. ม.หอการค้าไทยคาด GDP ไทยปี 54 และ ปี 55 จะขยายตัวร้อยละ 3.6-4.0 และร้อยละ 4.3 ตามลำดับ

2. ธปท. สั่งแบงก์-นันแบงก์ช่วยลูกหนี้น้าท่วม

3. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการสหรัฐฯเดือน ก.ย. 54 ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 53.0

• มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงข่าวคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิไทยว่า ในปี 55 GDP จะขยายตัวร้อยละ 4.3 ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจโลกมีอัตราขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.0-4.0 ภายใต้เงื่อนไขที่ภาครัฐต้องเบิกจ่ายปล่อยเม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 3-4 แสนล้านบาท ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาน้าท่วมจะทาให้เศรษฐกิจลดลงจากคาดการณ์เดิมร้อยละ 1.0-1.3 ส่งผลให้ปี 54 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.6-4.0

• สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ากว่าคาดในไตรมาสที่ 2 ปี 54 จากภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงจากผลกระทบจากภัยพิบัติสึนามิในเดือน มี.ค. 54 ผนวกกับในไตรมาสที่ 3 ความเสียหายจากปัญหาอุทกภัย ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะวิกฤตหนี้สาธารณะในหรัฐฯ และสหภาพยุโรป รวมถึงการฟื้นตัวอย่างล่าช้าของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ส่งผลให้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจไทย ในปี 54 จะขยายตัวร้อยละ 4.0 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.8 — 4.3) คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย.54 สาหรับปี 55 สถานการณ์ความเปราะบางจากเศรษฐกิจโลก และปัญหาน้าท่วมที่คาดว่าจะคลี่คลายลง ผนวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเริ่มดาเนินการในปี งบประมาณ 55 จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสาคัญ ส่งผลให้ สศค. คาดว่าในปี 55 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 4.5 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 — 4.5)

• ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ออกประกาศวันที่ 6 ต.ค. 54 สั่งการถึงสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง บริษัทผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกากับการดูแลของ ธปท. ให้พิจารณาช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้าท่วม โดยดูแลลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และสนับสนุนให้ความช่วยเหลือให้ลูกหนี้สามารถดาเนินธุรกิจต่อไปได้ ตลอดจนให้สิทธิสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินในการพิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชาระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่า สาหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยให้ต่ากว่าเกณฑ์ชาระขั้นต่าที่กาหนดไว้ร้อยละ 10 ของยอดหนี้คงค้างได้ จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.55

• สศค. วิเคราะห์ว่าการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ นั้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากสถาบันการเงินของไทยยังคงมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการดาเนินมาตรการดังกล่าวได้ เนื่องจากสภาพคล่องที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในเดือน ก.ค. 54 สภาพคล่องของธนาคารพาณิชยืไทยอยูที่ระดับ 2.2 ล้านล้านบาท ผนวกกับระดับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net NPLs) ที่อยู่ในระดับต่า โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 54 Net NPLs อยู่ที่ร้อยละ 1.6 ของสินเชื่อรวม นอกจากนี้การดาเนินมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อสถานะของสถาบันการเงิน เนื่องจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นหนึ่งในวิธีที่จะลดระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM non-manufacturing index) ของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. 54 ขยายตัวชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 53.0 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.3 โดยดัชนีองค์ประกอบในหมวดการจ้างงานหดตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 48.7 จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 51.6 และดัชนีหมวดการนาเข้าหดตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 47.5 จากเดือน ส.ค. 54 อยู่ที่ระดับ 53.5 ขณะที่ดัชนีองค์ประกอบในหมวดคาสั่งซื้อใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 56.5

• สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณชะลอตัวลงเล็กน้อยนั้น เป็นเครื่องบ่งชี้สัญญาณการขยายตัวอย่างเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาคบริการ ซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 85 ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม จากการที่ดัชนีองค์ประกอบในหมวดคาสั่งซื้อใหม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย. 54 นั้น เป็นสัญญาณที่บ่งชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายเลขาฯ ประมาณการณ์ว่า ในปี 2554 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวที่ร้อยละ 1.7 ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.0 โดยสหรัฐฯ จะยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากการว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 9.1 ของกาลังแรงงานรวม ประกอบกับความเสี่ยงจากภายนอกจากปัญหาวิกฤตหนี้ในกลุ่มยูโรโซนที่ยังไม่สามารถหาทางแก้ไขที่ชัดเจนได้ธนาคาร

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th