นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยฐานะการคลังของภาครัฐบาล (รัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามระบบ สศค. (Government Finance Statistics : GFS) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ดุลการคลังภาครัฐขาดดุล 2.62 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 1.46 แสนล้านบาท
ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ ๒๕๕4 (เมษายน - มิถุนายน ๒๕๕4) ดุลการคลังภาครัฐบาลเกินดุล จำนวน 111,626 ล้านบาท (ปีที่แล้วที่เกินดุล 140,993 ล้านบาท) โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 812,245 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 98,898 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.3 เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้เพิ่มขึ้น รวมทั้งการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ส่วนรายจ่ายภาครัฐบาลมีจำนวน 700,627 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 98,264 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.3
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 ภาครัฐบาลมีรายได้ทั้งสิ้น 2,081,050 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 19.1 ของ GDP) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 256,897 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.1 ขณะที่รายจ่ายภาครัฐบาลมีจำนวน 2,343,558 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 402,982 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.8 เนื่องจากการเบิกจ่ายของรัฐบาลสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วมากถึง 361,890 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.4 ส่งผลให้ดุลการคลังภาครัฐบาลขาดดุลจำนวน 262,508 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วที่ขาดดุล 116,423 ล้านบาท จำนวน 146,085 ล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ สรุปว่า “การขาดดุลการคลังของภาครัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรก เป็นการขาดดุลในส่วนของรัฐบาลจากรายจ่ายที่ขยายตัวในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน”
ฐานะการคลังภาครัฐบาล (รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
ตามระบบ สศค. ไตรมาสที่ 3 (เมษายน — มิถุนายน 2554) และในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554
ฐานะการคลังของภาครัฐบาลตามระบบ สศค.๑ (ระบบ Government Finance Statistics : GFS) ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ ๒๕๕4 (เมษายน — มิถุนายน ๒๕๕4) ภาครัฐบาล (รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เกินดุลการคลัง 111,626 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP เกินดุลลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 29,366 ล้านบาท ส่วนดุลการคลังภาครัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕๔ ขาดดุล 262,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 146,085 ล้านบาท สรุปได้ ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานของภาครัฐบาลในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2554
1.1 รายได้ภาครัฐบาล มีจำนวนทั้งสิ้น 812,254 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 7.5 ของ GDP) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 68,898 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.3 ทั้งนี้ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามลำดับ ส่งผลให้รายได้รัฐบาล สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 55,624 หรือร้อยละ 9.8 รวมทั้งในส่วนของ อปท. มีรายได้เพิ่มขึ้น 14,551 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.1 ส่วนบัญชีเงินนอกงบประมาณ (กองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ) มีรายได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 1,277 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.3 เนื่องจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีรายได้จากงบประมาณลดลง
1.2 รายจ่ายของภาครัฐบาล (รวมการให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาลซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง) มีจำนวน 700,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 98,264 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.3 โดยมีการเบิกจ่ายของรัฐบาลจำนวน 513,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 127,790 ล้านบาท หรือร้อยละ 33.1 (จากงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2554 ที่สูงกว่าปีงบประมาณ 2553 ถึงร้อยละ 24.6) รวมทั้ง อปท. มีรายจ่าย 86,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4,485 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 เป็นผลจากรายจ่ายประจำและรายจ่ายพิเศษเพิ่มขึ้น และรายจ่ายจากบัญชีนอกงบประมาณซึ่งรวมเงินให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาลรวม 87,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 26,788 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.2 ซึ่งมีสาเหตุหลักจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายจ่ายเพื่อชดเชยราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ส่วนรายจ่ายเงินกู้มีการเบิกจ่าย 183 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 144 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.0 และรายจ่ายจากมาตรการไทยเข้มแข็ง มีรายจ่ายจำนวน 12,489 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 60,654 ล้านบาท หรือร้อยละ 82.9 เนื่องจากในปีงบประมาณ 2553 ได้มีการเบิกจ่ายในสาขาสร้างอาชีพและรายได้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตฯ และโครงการปรับปรุงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานฯ (สาขาการขนส่ง) จำนวน 28,638 และ 11,271 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ปีงบประมาณ 2554 เท่ากับ 2,136 และ 1,119 ล้านบาท ตามลำดับ
๑ ระบบ สศค. : ระบบสถิติเพื่อการศึกษาและวิเคราะห์นโยบายการคลัง หรือ Government Finance Statistics (GFS) เป็นระบบสถิติที่รวบรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ของรัฐบาลทั้งหมด โดยครอบคลุมการใช้จ่ายตามระบบงบประมาณ เงินฝากนอกงบประมาณ กองทุนหมุนเวียนนอกงบประมาณ เงินกู้ต่างประเทศ และเงินช่วยเหลือต่างประเทศ
1.3 ดุลการคลังภาครัฐบาล ผลจากรายได้และรายจ่ายข้างต้น ทำให้ภาครัฐบาลเกินดุลการคลังจำนวน 111,626 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP ขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 140,993 ล้านบาท สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นของรัฐบาล (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและทิศทางของนโยบายการคลังของรัฐบาลอย่างแท้จริง (โดยไม่รวมรายได้และรายจ่ายดอกเบี้ย และการชำระคืนต้นเงินกู้) เกินดุลทั้งสิ้น 134,304 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของ GDP) ขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วเกินดุล 206,755 ล้านบาท
2. ฐานะการคลังตามระบบ สศค. 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 (ตุลาคม 2553 — มิถุนายน 2554)
2.1 รายได้ภาครัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 2,081,050 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.1 ของ GDP เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว256,897 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.1 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้รัฐบาล อปท. และบัญชีเงินนอกงบประมาณ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) รัฐบาลมีรายได้รวม 1,429,654 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 13.2 ของ GDP) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 160,566 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7 ทั้งนี้ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมหลัก (กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร) และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้นมาก
2) อปท. มีรายได้ทั้งสิ้น 333,998 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.1 ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 50,535 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.8 ทั้งนี้เนื่องจาก อปท. มีรายได้จากภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้และการจัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นจำนวน 14,399 และ 33,926 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.0 และ 27.2 ตามลำดับ
3) บัญชีนอกงบประมาณซึ่งประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณจำนวน 317,398 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.9 ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 45,796 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.9
2.2 รายจ่ายของภาครัฐบาล (รวมการให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาล) ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงมีจำนวน 2,343,558 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.6 ของ GDP เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 402,982 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.8 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายของรัฐบาล อปท. เงินกู้ต่างประเทศและบัญชีเงินนอกงบประมาณ ขณะที่รายจ่ายจากมาตรการไทยเข้มแข็งกลับลดลง 114,973 ล้านบาท หรือร้อยละ 69.9 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1) รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 1,683,778 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.5 ของ GDP (ปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 13.1 ของ GDP) และสูงกว่าปีที่แล้ว 361,890 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.4
2) อปท. มีรายจ่ายจำนวนทั้งสิ้น 294,059 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.7ของ GDP (ปีที่แล้วคิดเป็นร้อยละ 2.4 ของ GDP) และสูงกว่าปีที่แล้ว 52,207 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.6
3) เงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 1,219 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 442 ล้านบาท หรือร้อยละ 56.8
4) รายจ่ายเงินกู้จากมาตรการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 49,487 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของ GDP และต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วมีจำนวน 114,973 ล้านบาท หรือร้อยละ 69.9
5) บัญชีนอกงบประมาณ (รวมรายจ่ายและเงินให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาล) มีรายจ่ายจำนวน 315,015 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 103,417 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 48.9 สาเหตุมาจากรายจ่ายของกองทุนเงินนอกงบประมาณเพิ่มขึ้น เช่น รายจ่ายเพื่อชดเชยราคาน้ำมันของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
2.3 ดุลการคลังภาครัฐบาล ขาดดุลการคลัง 262,508 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.4 ของ GDP (ปีที่แล้วที่ขาดดุลจำนวน 116,423 ล้านบาท) สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นของรัฐบาล (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและทิศทางของนโยบายการคลังของรัฐบาลอย่างแท้จริง (ไม่รวมรายได้และรายจ่ายดอกเบี้ย และการชำระคืนต้นเงินกู้) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ ๒๕๕4 ขาดดุลทั้งสิ้น 152,049 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.4 ของ GDP) ในขณะที่ปีที่แล้วขาดดุล 34,779 ล้านบาท เนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่เพิ่มการขาดดุลงบประมาณจาก 350,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2553 เป็น 399,968 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2554 (รวมงบประมาณเพิ่มเติม) ส่งผลให้มีการเบิกจ่ายวงเงินงบประมาณมากขึ้น
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 118/2554 10 ตุลาคม 54--