นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้จัดการกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ (กปพ.) ได้ลงนามสัญญาว่าจ้างผู้บริหารสินทรัพย์ภายนอก จำนวน 3 ราย ณ ห้องแถลงข่าวกระทรวงการคลัง ในวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2554 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินของกองทุนฯ ที่ได้รับจากการกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ล่วงหน้าของกระทรวงการคลัง โดยในปีงบประมาณ 2555-2556 มีพันธบัตร FIDF ที่มีวงเงินครบกำหนดมากกว่า 50,000 ล้านบาทภายในวันเดียว จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ LB11NA , SB129A และ LB133A กระทรวงการคลังจึงมีแผนที่จะดำเนินการกู้เงินล่วงหน้า (pre-funding) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรดังกล่าว และจะจัดสรรเงินจากการกู้เงินดังกล่าว ให้กองทุนบริหารจัดการ โดยมีวงเงินรวมประมาณ 240,000 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้
วงเงินครบกำหนด ประมาณการวงเงิน ที่จะมอบหมายให้กองทุนบริหาร ระยะเวลาบริหาร LB11NA 89,099 39,000 ล้านบาท ต.ค. 54 - พ.ย. 54 (1 เดือน) SB129A 206,023 154,000 ล้านบาท พ.ย. 55 - ก.ย. 55 (10 เดือน) LB133A 99,000 50,000 ล้านบาท ธ.ค. 55 - มี.ค. 56 (4 เดือน)
ในการบริหารจัดการการลงทุน กองทุนฯ คำนึงถึงความมั่นคง ผลตอบแทน ความเสี่ยงที่เหมาะสมและความปลอดภัยของเงินต้นเป็นสำคัญ โดยลงทุนด้วยความรอบคอบ มีการประเมินและวิเคราะห์ความเสี่ยง ควบคู่ไปกับการพิจารณาถึงผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสม พร้อมทั้งมีการกำกับติดตาม ประเมินสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถชำระคืนเงินต้นให้แก่กระทรวงการคลังได้ครบถ้วนและทันตามกำหนดเวลา
โดยกองทุนฯ เน้นลงทุนใน
1.หลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของเงินกองทุน
ตราสารหนี้ที่ออกหรือค้ำประกันโดยกระทรวงการคลัง
ตราสารหนี้ที่ออกเป็นเงินตราสกุลหลักและออกหรือค้ำประกันโดยรัฐบาลต่างประเทศ สถาบันการเงินของรัฐบาลต่างประเทศ หรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ตราสารหนี้ดังกล่าวจะต้องได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใดรายหนึ่งได้แก่ Standard and Poor’s, Moody’s Investors Service Inc., Fitch Ratings
ทำธุรกรรมซื้อโดยมีสัญญาจะขายคืนซึ่งตราสารหนี้ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง
2. ลงทุนในตราสารหนี้อื่นที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใดรายหนึ่ง ได้แก่ Fitch Ratings (Thailand) หรือ บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละสี่สิบของเงินกองทุน
ทั้งนี้ การลงทุนในต่างประเทศ กำหนดให้ต้องปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge)
รายนามผู้บริหารสินทรัพย์ 3 ราย ประกอบด้วย
1. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด
2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
3. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
ในการนี้ การว่าจ้างผู้บริหารสินทรัพย์มากกว่า 1 รายจะเกิดประโยชน์แก่กองทุน ในการกระจายการลงทุนเพื่อช่วยลดความเสี่ยง ส่งเสริมการแข่งขันเพื่อการเพิ่มแรงจูงใจในการบริหาร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงินกองทุน และเป็นการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีมาสู่กองทุนด้วย
กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
โทร. 0-2265-8050 ต่อ 5805
www.pddf.or.th
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 123/2554 14 ตุลาคม 54--