รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 17, 2011 14:31 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2554

Summary:

1. สศก.รับน้ำท่วมฉุดจีดีพีเกษตรปีนี้โตได้แค่ 1%

2. ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก

3. ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนต.ค.54 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5

Highlight:
1. สศก.รับน้ำท่วมฉุดจีดีพีเกษตรปีนี้โตได้แค่ 1%
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากการประเมินผลกระทบจากน้ำท่วมคาดว่า จะส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเสียหาย 1,421,055 ราย มูลค่าความเสียหาย 72,000 ล้านบาท แยกเป็นด้านพืช 1,131,109 ราย พื้นที่ 11.20 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว 9.18 ล้านไร่ พืชไร่ 1.51 ล้านไร่ พืชสวนและอื่นๆ 5.1 แสนไร่ ด้านประมง 125,055 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา 204,171 ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย 33,262 ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ 203,861 ตารางเมตร ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 164,891 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 13.41 ล้านตัว ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะส่งผลให้ GDP ภาคการเกษตร ปี 54 ขยายตัวไม่เกิน 1 %
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนร้อยละ 8.9 ของ GDP ในปี 53 โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 54 ขยายตัวร้อยละ 6.7 ขยายตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 7.6 ทาให้ในช่วงครึ่งปี 54 ขยายตัวที่ร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตรกรรมเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศเสียหายประมาณ 6 ล้านตัน หรือประมาณ 22.2 พันล้านบาท ในขณะที่พืชไร่ โดยเฉพาะมันสำปะหลังคาดว่าจะเสียหายประมาณ 9.4 พันล้านบาท ส่วนด้านประมงและด้านปศุสัตว์ คาดว่าจะได้รับความเสียหายมูลค่าประมาณ 3.89 พันล้านบาท และ 4.6 พันล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ สศค. คาดว่าวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้จะส่งผลให้ GDP ในปี 54 ขยายตัวร้อยละ 2.61
2. ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ตลาดพลังงานในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากต้นเดือน ต.ค.54 ที่ระดับประมาณ 74 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับประมาณเกือบ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากปัญหาในยุโรปเริ่มคลี่คลายหลังการเมืองในกรีซและอิตาลีมีความชัดเจนขึ้น ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็บ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นอกจากนี้สภาพอากาศที่หนาวเย็นมากเป็นประวัติการณ์ และสต็อกน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะหนุนทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นได้อีก
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในปี 54 ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1) อุปสงค์ที่กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังจากที่หดตัวอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 2 ปี โดยได้แรงขับเคลื่อนหลักมาจากอุปสงค์จากประเทศนอกกลุ่ม OECD อย่างประเทศจีนและอินเดียเป็นสำคัญ ประกอบกับเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีความต้องการน้ำมันทดแทนการผลิตกระแสไฟฟ้าภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น 2) อุปทานน้ำมันดิบคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้ในกรอบที่จำกัด โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น อียิปต์ ลิเบีย และตูนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก ทั้งนี้ สศค. คาดว่าในปี 54 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 101.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (ช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 96.0 - 106.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่อยู่ที่ระดับ 78.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยหลักมาจากอุปสงค์ที่กลับมาขยายตัวต่อเนื่องจากปี 53
3. ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนต.ค.54 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผย ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% หลังจากที่เดือนก.ย.มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ทำให้ยอดค้าปลีกตลอดระยะเวลา 12 เดือนนับจนถึงเดือนต.ค.ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เนื่องจากยอดขายในกลุ่มยานยนต์และวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นแต่การฟื้นตัวยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 80,000 ตาแหน่ง บ่งชี้ถึงภาพรวมการจ้างงานที่ยังคงขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่อัตราการว่างงานเดือนต.ค.ปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 9 จากร้อยละ 9.1 ในเดือนก.ย. ซึ่งยังคงเป็นระดับที่สูง อย่างไรก็ตามยอดค้าปลีกเดือนต.คงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 60.9 ในเดือนต.ค และปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 64.2 ในเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่าผู้บริโภคสหรัฐมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งยอดค้าปลีกถือเป็นตัวบ่งชี้การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และตัวเลขค้าปลีกที่ปรับตัวดีขึ้นจึงถือเป็นสัญญาณที่ดี ทั้งนี้ สศค.คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯปี 54 และปี 55 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.7 และ 2.0 ตามลำดับ (คาดการณ์ ณ เดือนก.ย. 54)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ