Macro Morning Focus ประจำวันที่ 5 มกราคม 2555
1. เปิดแฟ้มครม.ออกพรก.เงินกู้ 6.5 แสนล้านฟื้นฟูประเทศ
2. พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ธ.ค. เพิ่มร้อยละ 3.53, คาดปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 3.3 -3.8
3. โบรกเกอร์ชีปี้มังกรหุ้นไทยแตะ 1,200 จุด หากแนวทางการแก้ไขปัญหนี้ยุโรปมีความชัดเจน
- รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเสนอพระราชกำหนด (พรก.) ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินพศ....ให้ที่ประชุมพิจารณา เพื่อให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ รับผิดชอบเกี่ยวกับชำระคืนเงินต้นกู้และดอกเบี้ยดอกเบี้ยเงินกู้ จำนวน 1.14 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันยังเสนอให้ครม.ออกพรก.แก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ให้ธปท.สามารถปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่สถาบันการเงิน ในวงเงินไม่เกิน 3 แสนล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบีย้ ที่เรียกเก็บกับสถาบันการเงิน 0.01% เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปปล่อยกู้ต่อให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในช่วงที่
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ดังนั้น รัฐบาลจึงมีนโยบายในการสนับสนุนการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเน้นความสำคัญกับการลงทุนของภาครัฐ เพื่อเน้นโครงสร้างพื้นฐานเป็นสำคัญ ทั้งนี้ การที่ภาครัฐมีความจำเป็น
ในการฟื้นฟูประเทศจำเป็นต้องมีการระดมทุนมากขึ้น จึงต้องมีการหาแหล่งเงินทุนนอกเหนือจากงบประมาณรายจ่ายลงทุนในปีงบประมาณ 2555 ที่มีจำนวน 423.4 พันล้านบาท โดยการออกพรก.กู้เงินเพื่อฟื้นฟูและสร้างอนาคตของประเทศ อาจจะส่งผลกระทบต่อภาระทางการคลังในส่วนของยอดหนี้สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ระดับ 41.03 ของ GDP ในเดือนต.ค.54 ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้สาธารณะของไทย แบ่งออกเป็ น (1) หนี้ของรัฐบาลร้อยละ 44.09 (2) หนี้ของรัฐบาล (เพื่อ FIDF) ร้อยละ 27.23 (3) หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินร้อยละ 24.42 (4)
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็ นสถาบันการเงิน(รัฐบาลค้ำประกัน) ร้อยละ 3.56 และ (5) หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ร้อยละ 0.70
- กระทรวงพาณิชย์แถลง ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ธ.ค.54 อยู่ที่ 112.77 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.53 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.0 ทำให้ทัง้ ปี 54 เงินเฟ้ อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.81 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ในปี ก่อนหน้า สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) เดือน ธ.ค.54 อยู่ที่ 106.98 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.66 และเฉลี่ยนทั้งปีเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 2.36
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ธ.ค.54 ปรับตัวลดลง โดยเป็นการปรับตัวต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นับจากเดือนมี.ค.54 โดยดัชนีราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวลดลงร้อยละ - 1.20 ได้แก่ ผักสด ผลไม้ ไข่ไก่ และไก่สด เป็นต้น และราคาขายปลีกน้ำมันเชื่อเพลิงโดยเฉลี่ยลดลงตามภาวะตลาดโลก ทำให้ต้นทุนการขนส่งปรับตัวลดลง ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้ อทั่วไปในปี 54 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.81 ใกล้เคียงกับที่ สศค. คาดไว้ที่ร้อยะ 3.9 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 55 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 — 4.0) (คาดกาณ์ ณ เดือน ธ.ค. 54)
- นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แยกแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 55 เป็น 2 มุมมอง คือมุมมองเป็นบวกเศรษฐกิจยูโรโซนจะฟื้นตัวได้ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูง อีกมุมมองหนึ่งคือเศรษฐกิจยูโรโซนจะแย่มากและไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลกลับยูโรโซน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กลุ่มธนาคาร และกลุ่มธนาคารจะลดการขยายตัวของสินเชื่อ ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ทัง้ นี จะเป็นไปตามมุมมองใดนัน้ จะมีความชัดเจนขึน้ ในไตรมาสแรกปี 55
- สศค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 55 จะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากคาดการณ์ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังคงมีผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คือภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เยอรมนี ตลอดจนตัวเลขการผลิตของจีนที่ออกมาดี ได้ผ่อนคลายความกังวลต่อปัญหาหนี้ในยุโรป และถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศที่เป็ นบวกด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจ บวกกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะเป็ นแรงหนุนให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยต่อไปอีกโดยขณะนี้ไทยมีสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นถึงร้อยละ 25.0 ของมูลค่าการซื้อขายรวมในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด โดยมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ร้อยละ 3.68 สูงกว่าตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (1.55) และจีน (2.10) ตลอดจนค่า P/E ratio ที่ระดับ 11.73 สะท้อนตลาดทุนไทยยังคงน่าลงทุนใน
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th