รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 25 มกราคม 2555

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 มกราคม 2555

1. ครม.ให้ขยายลดภาษีสรรพสามิตดีเซลออกไปอีก 1 เดือน เป็นสิ้นสุด 29 ก.พ. 55

2. ตลาดคาดการณ์ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25

3. แบงก์ชาติญี่ปุ่นปรับลด GDP ปี 55 ลงเหลือ 2.0%

Highlight:

• ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเหลือ 0.005 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 29 ก.พ.55 จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 ม.ค. 55 นี้ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนและช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหลังจากต้องประสบวิกฤติอุทกภัยในปีที่ผ่านมา

• สศค. วิเคราะห์ว่า การอนุมัติให้ขยายระยะเวลาของมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลนั้น จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในปี 55 ที่ทรงตัว โดยล่าสุดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ธ.ค. 54 ขยายตัวร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่ วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวเป็นร้อยละ 4.2 โดยสินค้าในหมวดยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงหดตัวร้อยละ - 2.3 ตามราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในประเทศที่ปรับตัวลดลงจากการลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี 55 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ ณ 23 ม.ค. 55 อยู่ที่ 108.0 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็ นการปรับตัวสูงขึน้ นับจากต้นปี 55 ร้อยละ 3.8 (ราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อต้นปี 55 อยู่ที่ 104.0 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล) และยังสูงขึ้นกว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 54 ที่อยู่ที่ 105.6 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้ สศค. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.0 - 4.0 ต่อปี) (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 54)

• บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) คงจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายลงร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 3.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.00 ในการประชุมรอบแรกของปี 55 เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับ ฝ่ายวิจัย บลจ. กรุงไทยจำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี อย่างไรก็ตาม มีหลายสำนักวิเคราะห์ว่า กนง. อาจจะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรอดูข้อมูลทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาและภาวะตลาดการเงินในต่างประเทศ ถือว่าไม่เลวร้ายอย่างที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้แรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และการปรับขึ้นของราคาพลังงานอาจจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในอนาคต

• สศค.วิเคราะห์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.25 โดยการประชุมกนง.ในวันนี้.อาจจะมีปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเหตุการณ์วิกฤตอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 55 แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ อาจทำให้จะ กนง.กลับมาดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้นโ ดยทั้งปี คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มที่จะอยู่ในช่วงคาดการณ์ 2.75-3.75 (ประมาณการ ณเดือน ธ.ค. 55)

• ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ ประกาศลดประมาณการเศรษฐกิจของปี 55 ลงจากร้อยละ 2.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.0 ส่วนของปี 54 คาดว่า น่าจะหดตัวลงร้อยละ 0.4 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 0.3 โดย BOJชี้แจงว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากผลพวงความซบเซาของเศรษฐกิจต่างประเทศ

• สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีการฟื้นตัวอย่างเปราะบาง และปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรปที่ยังไม่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ประกอบกับความตึงเครียดระหว่างอียู-อิหร่าน ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ทั้งนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินเยนที่กระทบต่อการส่งออกของประเทศ โดยมูลค่าการส่งออกในเดือน พ.ย. 54 หดตัวร้อยละ-4.5 ขณะที่ค่าเงินเยน ณ วันที่ 24 ม.ค. 55 อยู่ที่ 76.99 นับจากต้นปี ที่อยู่ที่ 76.86 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ธ.ค. 54 อยู่ที่ระดับ 38.1 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 54 จะหดตัวที่ร้อยละ -0.6 และในปี 55 จะขยายตัวที่

ร้อยละ 2.0 (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 54)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th