Macro Morning Focus ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2555
Summary:
1. ราคาอาหารแห่ขึ้นราคาพาณิชย์เร่งคุมเข้ม
2. พาณิชย์เตรียมแผนเจาะตลาดสหรัฐฯ
3. พรรคร่วมรัฐบาลกรีซเลื่อนถกแผนรัดเข็มขัดรอบใหม่เป็นวันอังคารนี้
Highlight:
1. ราคาอาหารแห่ขึ้นราคาพาณิชย์เร่งคุมเข้ม
- อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงความคืบหน้าในการดูแลราคาสินค้า โดยยอมรับว่าขณะนี้กรมการค้าภายในเร่งออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องราคาอาหารสาเร็จรูป ซึ่งปัจจุบันได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคเป็นจานวนมากผ่านสายด่วน 1569 ว่าราคาอาหารสาเร็จรูปมีราคาแพง โดยปรับราคาขึ้นทั้งที่ต้นทุนด้านวัตถุดิบในการประกอบอาหารไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ พืชผักต่างๆ ราคาไม่ขึ้น ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับการร้องเรียนมากที่สุด คือ เขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดขนาดใหญ่ในภูมิภาคต่างๆ ส่วนแนวทางบรรเทาผลกระทบจะใช้การเพิ่มจานวนร้านอาหารธงฟ้า โดยขายอาหารในราคาจานละไม่เกิน 15-25 บาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดตัวโครงการนี้ได้ในเร็วๆ
- สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค. 55 อยู่ที่ร้อยละ 3.4 ขยายตัวชะลอลงเล็กน้อยจากเดือน ธ.ค. 54 ที่อยู่ที่ร้อยละ 3.5 โดยราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่น้ามันขายปลีกในประเทศ ค่าไฟฟ้า และอาหารสาเร็จรูป ทั้งนี้พบว่าราคาสินค้าในหมวดอาหารสาเร็จรูปมีการขยายตัวสูงถึงร้อยละ 9.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการอ้างว่าต้นทุนวัตถุดิบในการปรุงอาหารปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ สศค.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 55 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน
2. พาณิชย์เตรียมแผนเจาะตลาดสหรัฐฯ
- สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ทางสานักงานได้เตรียมแผนเจาะตลาดในสหรัฐฯ ใหม่ หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงชะลอตัว โดยจะมีการใช้โซเชียลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อประโยชน์ทางการตลาดอย่างจริงจัง นอกจากนี้จะต้องมีการพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในเรื่องของคุณภาพและการให้บริการ
- สศค. วิเคราะห์ว่า แม้ว่าสหรัฐฯจะเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยแต่ก็ค่อยๆ มีบทบาทลดลงอย่างต่อเนื่องจากที่เคยเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยในปี 52 โดยมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 10.9 ลดลงเป็นมาอยู่ที่ร้อยละ 10.3 ในปี 53 และ 9.6 ในปี 54 ตามลาดับ ซึ่งสัดส่วนการส่งออกที่ลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวประกอบกับการกระจายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ หากมีการเจาะแผนตลาดสหรัฐฯ จะส่งผลดีการส่งออกของไทย โดยการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯทั้งปี 54 ขยายตัวร้อยละ 8.2 หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวมไปสหรัฐฯอยู่ที่ 21,858 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าหลักที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ คือ คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋อง อัญมณีเครื่องประดับ และเครื่องนุ่งห่ม ทั้งนี้ สศค. คาดว่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปดอลลาร์สหรัฐในปี 55 จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 14.1 โดยมีช่วงคาดการณ์ร้อยละ 13.1 - 15.1 (คาดการณ์ ณ เดือนธ.ค. 54)
3. พรรคร่วมรัฐบาลกรีซเลื่อนถกแผนรัดเข็มขัดรอบใหม่เป็นวันอังคารนี้
- สำนักนายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยว่า การเจรจาเรื่องมาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปการคลังระหว่างนายกรัฐมนตรีกับบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลกรีซ จะเลื่อนออกไปเป็นวันอังคารนี้ จากเดิมที่มีกาหนดหารือกันในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ ผู้นาอียูได้เรียกร้องให้กรีซจัดทาแผนลดรายจ่ายเพิ่มเติมเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือมูลค่า 1.30 แสนล้านยูโร (1.7 แสนล้านดอลลาร์) จากอียูและ IMF รวมถึงการที่เจ้าหนี้ภาคเอกชนจะยอมล้างหนี้จานวน 1 แสนล้านยูโร
- สศค.วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อ GDP ของกรีซพุ่งขึ้นสู่ระดับร้อยละ 159.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มยูโรโซนสะท้อนให้เห็นว่ากรีซยังคงเผชิญกับภาระหนี้สินมูลค่ามหาศาล แม้รัฐบาลพยายามลดการใช้จ่ายลงจานวนมากก็ตาม ทั้งนี้ แม้ว่ากรีซมีสัดส่วน GDPเพียงร้อยละ 2.6 ของยูโรโซน (16 ประเทศ) และมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับกรีซจะมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.08 ของมูลค่าการค้ารวม อย่างไรก็ดี ผลของวิกฤตกรีซที่เริ่มลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ในยูโรโซน และได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริง ซึ่งผ่านด้านการส่งออกของไทยไปยังสหภาพยุโรปอย่างมีนัยสาคัญ โดยสัดส่วนการส่งออกของไทยไปสหภาพยุโรปได้ลดลงจากร้อยละ 9.8 ในปี 53 มาอยู่ที่ร้อยละ 9.4 ในปี 54 (โดยในไตรมาส 4 ปี 54 การส่งออกไปยุโรปหดตัวลงกว่าร้อยละ -18.3)
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th