Macro Morning Focus ประจำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555
Summary:
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.55 ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 74.2
2. นายกสมาคมค้าทองคำ ประเมินแนวโน้มราคาทองคำ ในปีนี้ไม่ถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
3. ธนาคารกลางเกาหลีใต้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
Highlight:
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. 55 ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 74.2
- ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.55 ว่าอยู่ที่ระดับ 74.2 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.54 ที่อยู่ที่ระดับ 73.1 โดยดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้น หลังจากปัญหาอุทกภัยคลี่คลาย แต่ยังคงไม่กลับสู่ระดับปกติก่อนเกิดอุทกภัยอย่างไรก็ตาม การบริโภคของประชาชนนัน้ จะชะลอตัวลงจากปัจจุบันจนถึงไตรมาส 2 ของปีนี้เนื่องจากประชาชนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากปัญหาอุทกภัย ตลอดจนค่าครองชีพที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- สศค. วิเคราะห์ว่ามหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 54 ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในช่วงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายลง ดัชนีฯ ดังกล่าวได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งในส่วนของระยะสั้นผ่านการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือมาตรการระยะยาวผ่านการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของอุปสงค์ในประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุปสงค์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในยูโรโซน ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 55 จะเติบโตร้อยละ 5.0 (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 4.5- 5.5 คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 54)
2. นายกสมาคมค้าทองคำ ประเมินแนวโน้มราคาทองคำ ในปีนี้ไม่ถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
- นายกสมาคมค้าทองคากล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้น มาแรงมายืนถึงระดับ 1,600- 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 25,000-27,000 บาทต่อบาททองคำ จากความกังวลเรื่องปัญหาความขัดแย้งของอิหร่านกับกลุ่มสหภาพยุโรป แต่เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ก็จะมีแรงขายทำกำไร ดังนั้น จึงมั่นใจว่าแนวโน้มราคาทองปีนี้จะไม่มีโอกาสแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 30,000 บาทต่อบาททองคำ โดยกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1,480-1,980 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
- สศค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาทองคาตั้งแต่ช่วงกลางปี 54 ที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงวิกฤติหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซน มีลักษณะที่แตกต่างจากแนวโน้มราคาทองคำในช่วงวิกฤติการเงินปี 51 โดยในปี 51 เมื่อเลห์แมน บราเธอรส์ วาณิชธนกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องล้มละลายจากการเก็งกาไรในหุ้นกู้ที่มีสินเชื่อจานองบ้านเป็นหลักทรัพย์ค้าประกัน (Mortgage-backed securities: MBS) ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะฟองสบู่ภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ในช่วงปี 49-50 นักลงทุนจา นวนมากหันมาถือครองทองคำทั้งในฐานะสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง (Safe haven) และสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อการเก็งกำไร อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่วิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ กลางปี 54 ที่ผ่านมาราคาทองคำกลับปรับลดลงเนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในความปลอดภัยของการถือทองคำ อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนทาให้นักลงทุนไม่กล้าเก็งกำไรในทองคำ ตลอดจนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเนื่องจากความชัดเจนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงทำให้ราคาทองคำลดลงอย่างรวดเร็ว ราคาทองคำในตลาดโลกในปี นี้จึงมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ และการเก็งกำไรทองคำ น่าจะยังคงส่งผลต่อการส่งออก-นำเข้าทองคำในปี 55 นี้ ทั้งนี้ ในปี 54 ไทยนำเข้าทองคำสุทธิมูลค่ากว่า 10,568 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. ธนาคารกลางเกาหลีใต้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออกจากปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน
- สศค. วิเคราะห์ว่า การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางเกาหลีใต้ เป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะวิกฤติหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซนที่การแก้ปัญหายังไม่มีข้อสรุปชัดเจน เศรษฐกิจยูโรโซนที่เริ่มแสดงสัญญาณหดตัวส่งผลต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ผ่านช่องทางการค้า เนื่องจากยูโรโซนเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของเกาหลีใต้ ด้วยสัดส่วนการส่งออกกว่าร้อยละ 11.2 ของมูลค่าส่งออกรวม ทำให้ในเดือน ม.ค.55 การส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ด้วยสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP นั้นหดตัวลงถึงร้อยละ -6.6 เมื่อ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีและทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงในไตรมาส 4 ปี 54 โดยขยายตัวเพียงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นับเป็นการขยายตัวที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้สามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปได้ ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค.54 ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ในปี 55 จะขยายตัวร้อยละ 3.5
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th