Macro Morning Focus ประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555
Summary:
1. PTT คาดปี 55 น้ำมันดิบดูไบ 100-110 เหรียญฯ
2. พาณิชย์คงเป้าส่งออกปี 55 โต 15% คาด Q2 เริ่มฟื้นตัวหลัง Q1 ชะลอตัว
3. ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตรา RRR ร้อยละ 0.5
Highlight:
1. PTT คาดปี 55 น้ำมันดิบดูไบ 100-110 เหรียญฯ
- บริษัท ปตท. จำกัดมหาชน (PTT) รายงานแนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจและปิโตรเลียมในปี 55 คาดว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะทรงตัวอยู่ในช่วง 100-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากเศรษฐกิจยุโรปที่อาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) รุนแรงจนส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอลงมาก รวมทั้งการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC อาจทำให้ราคาปรับลดลงอย่างมากได้ ในทางกลับกันราคาน้ำมันในปี 55 อาจปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยการผลิตที่หยุดชะงักลง (Supply Disruption) เนื่องจากการตอบโต้ของอิหร่านต่อมาตรการคว่าบาตรของประเทศตะวันตก การถอนทหารสหรัฐฯออกจากอิรัก ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ เป็นต้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในปี 55 เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่ความไม่สงบในตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบต่ออุปทานการผลิตน้ำมัน ทั้งนี้ สศค. คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบมีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 111-121 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมีค่าเฉลี่ยที่ 116 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (คาดการณ์ ณ ธ.ค. 54) อย่างไรก็ดี สศค. จะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในเดือน เม.ย. 55
2. พาณิชย์คงเป้าส่งออกปี 55 โต 15% คาด Q2 เริ่มฟื้นตัวหลัง Q1 ชะลอตัว
- รมว.พาณิชย์ กล่าววว่า การส่งออกปีนี้เราคงเป้าไว้อยู่ที่ 15% จะโตกว่านี้หรือไม่ต้องมีการประเมินสถานการณ์ ไตรมาสแรกจากเหตุการณ์น้าท่วมมีผลให้ส่งออกชะลอตัว ส่วนไตรมาส 2 น่าจะดีขึ้น และหลังไตรมาส 2 แล้ว จะเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ว่าอีก 2 ไตรมาสสุดท้ายจะทำได้แค่ไหน แต่ตอนนี้ 15% คิดว่ายังทำได้อยู่ซึ่งก็ต้องดูที่อุตสาหกรรมที่จะไปขายด้วย นอกจากนี้ ได้สั่งให้กรมส่งเสริมการส่งออกและทูตพาณิชย์เร่งทำงานเชิงรุกมากขึ้น ขณะเดียวกันเพื่อให้ประเทศไทยมีต้นทุนสินค้าถูกลง ให้เขาดูว่าสินค้าทุนที่ต้นทุนไม่แพงจะนาเข้ามาได้หรือไม่ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยออกไปขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น จากปัจจุบันมูลค่าค้าชายแดน อยู่ที่ 9 แสนกว่าล้านบาท ในปีนี้จะขยายให้ได้กว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ไทยเตรียมความพร้อมสำหรับ 3 ปีก้าวสู่ประชาเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ด้วย
- สศค.วิเคราะห์ว่า จากเหตุการณ์ภาวะอุทกภัยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความเสียหายกับภาคอุตสาหกรรมหลายแห่ง และยังได้ส่งผลกระทบต่อไปยังภาคการส่งออกของไทย ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยหดตัวลงอย่างมาก โดยหดตัวมากที่สุดในช่วงเดือน พ.ย. 54 ถึงร้อยละ -12.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสินค้าส่งออกประเภทที่หดตัวมากที่สุด ได้แก่ สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ ซึ่งหดตัวถึงร้อยละ -7.48 และ -6.14 ตามลาดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านเดือนพ.ย. 54 สถานการณ์ด้านส่งออกของไทย ก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยข้อมูลในเดือน ธ.ค. 54 มูลค่าส่งออกของไทยหดตัวลดลงที่ร้อยละ -2.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปี 55 มูลค่าการส่งออกสินค้า (ไม่รวมบริการ) ของไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 14.1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (คาดการณ์ ณ ธ.ค. 54)
3. ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตรา RRR ร้อยละ 0.5
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศลดเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน โดยปรับลดลงเหลือร้อยละ 20.5 จากร้อยละ 21.0 สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และร้อยละ 17.0 สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2555 เป็นต้นไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตรา RRR เมื่อเดือน ธ.ค. 54 เพื่อคลี่คลายภาวะเงินเฟ้อ
- สศค. วิเคราะห์ว่า ผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะวิกฤตหนี้สาธารณะที่ยังไม่คลี่คลายในกลุ่มยูโรโซน และประเทศสหรัฐฯ ที่มีความต้องการสินค้านำเข้าจากจีนลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 4 ปี 54 ขยายตัวชะลอลงร้อยละ 8.9 ต่อปี และทำให้เศรษฐกิจจีนทั้งปีเติบโตที่ร้อยละ 9.2 โดยปัจจัยดังกล่าวเป็นสาเหตุสาคัญที่ทำให้ธนาคารกลางจีนลดเพดานกันสารองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านช่องทางสินเชื่อประมาณ 400 พันล้านหยวน ซึ่งจะทำให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ผลข้างเคียงคือ แรงกดดันทางด้านอัตราเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้นได้ โดยอัตราเงินเฟ้อจีนในเดือน ม.ค. 55 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.5 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค. 55 ที่อยู่ร้อยละ 4.1 ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2555 จะสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 8.4 (คาดการณ์ ณ ธ.ค. 54)
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th