รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 8 มีนาคม 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 8, 2012 11:21 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2555

Summary:

1. คาดการณ์หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ของ GDP ในปี 2556

2. ราคาน้ำมันมีแนวโน้มแตะ 250 เหรียญสหรัฐในกรณีปิดช่องแคบฮอร์มุส

3. ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.25

Highlight:
1. คาดการณ์หนี้สาธารณะเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ของ GDP ในปี 2556
  • รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหารหนี้สาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงแนวโน้มหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ 2556 ว่า ระดับหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ร้อยละ 50 ต่อ GDP จากปัจจุบันที่อยู่ที่ร้อยละ 40.3 โดยได้รวมหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) 1.14 ล้านล้านบาท และรวมแผนการก่อหนี้จากการจัดทางบประมาณขาดดุลในปี 2556 ที่ตั้งเป้าหมายไว้ 3 แสนล้านบาท และรวมถึงการกู้เงิน 4 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก.กู้เงินจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.กองทุนประกันภัยพิบัติ 5 หมื่นล้านบาท
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภายหลังจากปัญหาวิกฤติอุทกภัยที่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 54 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.1 ทาให้ภาครัฐจาเป็นต้องมีนโยบายโครงการการลงทุนระยะยาวทั้งประเทศเพื่อบูรณะและฟื้นฟูประเทศ ซึ่งการลงทุนของภาครัฐดังกล่าวจะมีบทบาทสาคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้น ทั้งนี้ รายจ่ายลงทุนต่องบประมาณรายจ่ายรวมในปีงบประมาณ 56 คาดว่าจะสูงขึ้นเป็นร้อยละ 19.5 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 55 ที่อยู่ที่รัอยละ 17.8 อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการลงทุนต่างๆ ในอนาคตจะส่งผลให้มีการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ในปีงบประมาณ 55 และ 56 จะอยู่ที่ร้อยละ 48.6 และ 50.4 ตามลาดับ
2. ราคาน้ำมันมีแนวโน้มแตะ 250 เหรียญสหรัฐในกรณีปิดช่องแคบฮอร์มุส
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมอง แนวโน้มราคาน้ามันดิบในตลาดโลกมีโอกาสทะยานแตะ 250 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุส เงินเฟ้อจะพุ่งเกินร้อยละ 8 โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบฮอร์มุส ซึ่งเป็นเส้นทางของการขนส่งน้ามันประมาณร้อยละ 20 ของโลก ผลที่ตามมาคือราคาน้ามันจะทะยานสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะทาให้เศรษฐกิจโลกบอบช้ามากขึ้นอีก
  • สศค.วิเคราะห์ว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เริ่มก่อตัวขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ(ดูไบและเบรนท์) พุ่งตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 51 ดังนั้น นักวิเคราะห์จึงคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ามันในปี 55 ในกรณีต่างๆ ดังนี้ (1) สมมติฐานกรณีปกติ การตอบโต้ระหว่างกันจำกัดอยู่เพียงมาตรการทางการค้าในระยะสั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยค่าเฉลี่ยในปี 55 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2-11 จากปีก่อนหน้า และ (2) สมมติฐานกรณีเลวร้ายที่สุด หากมีการใช้มาตรการทางการทหาร ส่งผลให้ราคาน้ามันดิบจะทะยานพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัวหรือร้อยละ 100
3. ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.25
  • ธนาคารกลางออสเตรเลียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 4.25 โดยนายเกล็น สตีเวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียกล่าวว่า ข้อมูลที่ได้มีการรวบรวมเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกทรุดตัวอย่างหนัก แม้มีคาดการณ์ว่าการขยายตัวอยู่ในระดับต่ำก็ตาม อีกทั้งเศรษฐกิจออสเตรเลียกาลังขยายตัวใกล้เคียงกับเป้าหมาย และอัตราเงินเฟ้อก็เคลื่อนไหวอยู่ใกล้กับกรอบเป้าหมายที่ระดับร้อยละ 2-3
  • สศค.วิเคราะห์ว่า การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย เป็นผลจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปที่แนวทางการแก้ปัญหายังไม่มีข้อสรุปชัดเจน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ตาม หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย 2 ครั้ง นับจากปลายปี 54 (พ.ย. และ ธ.ค.) ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในออสเตรเลียปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในเดือน ม.ค อยู่ที่ระดับ 51.6 จุด และดัชนีภาคบริการปรับตัวขึ้นแตะระดับ 51.9 จุด หลังจากที่อยู่ต่ากว่าระดับ 50.0 จุดมาตลอด 3 เดือน สะท้อนว่ากิจกรรมมีการขยายตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค.ยังคงทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.6 และมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ บ่งชี้ได้ว่าการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ธนาคารกลางออสเตรเลียดำเนินมาอย่างต่อเนื่องน่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แม้ความเชื่อมั่นในตลาดแรงงานจะยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ สศค. คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียในปี 55 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.5 (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 54)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ