Macro Morning Focus ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2555
Summary:
1. การค้าภายในอ้างขึ้นราคาพลังงานกระทบสินค้าจิ๊บจ๊อย
2. “กิตติรัตน์" ยืดอายุเก็บภาษีน้ำมันดีเซลออกไปอีก
3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยการผลิตอุตสาหกรรมทรงตัวในเดือน ก.พ.55
Highlight:
1. การค้าภายในอ้างขึ้นราคาพลังงานกระทบสินค้าจิ๊บจ๊อย
- กรมการค้าภายในกล่าวถึงผลการศึกษาผลกระทบจากการปรับขึน้ ราคาพลังงานต่อภาคการขนส่ง และต้นทุนสินค้า หลังจากมีการปรับขึน้ ราคาก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จาก 8.50 บาท/กก.เป็น 9.50 บาท/กก. และปรับขึน้ ราคาน้ำมันดีเซลจาก 30 บาท/ลิตร เป็น 32.33 บาท/ลิตร พบว่าทำให้ต้นทุนเชือ้ เพลิงในภาคขนส่งเพิ่มขึน้ 8.48% และมีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น 0.44%
- สศค.วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้ อจะเร่งตัวขึ้นตามสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลก โดยอัตราเงินเฟ้ อทั่วไปในเดือนก.พ. 55 อยู่ที่ร้อยละ 3.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี ก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้ อพื้นฐานอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.7 โดยสาเหตุที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เป็นผลมาจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราเงินเฟ้ อทั่วไปทั้งปี 55 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0-4.0 และอัตราเงินเฟ้ อพืน้ ฐานจะอยู่ที่ร้อยละ 2.3 ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.8-2.8 (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 54) อย่างไรก็ดี สศค.จะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในเดือนมี.ค. 55
2. “กิตติรัตน์" ยืดอายุเก็บภาษีน้ำมันดีเซลออกไปอีก
- รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่าจะต่ออายุลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลออกไปอีก จากเดิมที่จะครบกำหนดสิ้นเดือนมี.ค.นี้ รอจนกว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนและชะลออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหากราคาน้ำมันยังไม่ลง คงจะไม่เพิ่มการจัดเก็บภาษีแน่นอน
- สศค.วิเคราะห์ว่า รัฐบาลได้เริ่มมาตรการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.54 จากเดิมจัดเก็บอยู่ที่อัตรา 5.7 บาทต่อลิตร (ภาษีสรรพสามิต 5.3 บาทต่อลิตร และภาษีมูลค่าเพิ่ม 0.4 บาทต่อลิตร) เหลือเพียงแค่ 0.005 บาทต่อลิตรต่อมา ได้มีการต่ออายุมาตรการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อเป็ นการช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 55 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 114.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล(ราคาล่าสุดวันที่ 16 มี.ค. 55 อยู่ที่ 122.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) โดยการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบโลกเป็นผลมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกและประเทศอิหร่าน ทั้งนี้ หากราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อไปอีก อาจส่งผลกระทบต่อภาระกองทุนน้ำมันในอนาคต และจะส่งแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้ อในปี 55 ได้ (สศค.คาดการณ์อัตราเงินเฟ้ อทั่วไปปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 3.5)
3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยการผลิตอุตสาหกรรมทรงตัวในเดือน ก.พ. 55
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เปิดเผย การผลิตในภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ (Industrial Production) ในเดือน ก.พ. 55 อยู่ที่ระดับ 96.2 ขยายตัวร้อยละ 4.0 ต่อปี หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อน นอกจากนี้อัตรากำลังการผลิตเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ร้อยละ 78.7 จากเดือนก่อนที่อยู่ร้อยละ 78.5
- สศค. วิเคราะห์ว่า การทรงตัวของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.พ.55 นั้นเป็นผลมาจากการผลิตในเหมืองแร่และสาธารณูปโภคที่ลดลง เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นได้ลดอุปสงค์ก๊าซธรรมชาติทำให้มีการผลิตน้อยลงขณะที่ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.1ต่อปี หรือร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ในด้านผลิตภัณฑ์พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวได้สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ก.พ. 55 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.9 ต่อปีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 55 จะเติบโตร้อยละ 1.9 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค.54) โดยจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในเดือน มี.ค. 55
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th