ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 16 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 2, 2012 09:47 —กระทรวงการคลัง

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ Meeting: AFMM) ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 2555 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ซึ่งได้เป็นประธานในพิธีเปิด ได้ย้ำถึงความสำคัญของการลดช่องว่างของการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกอาเซียน ความสำคัญของการรวมตัวทางการเงินการคลังของอาเซียนต่อการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ในปี 2558 และการเสริมสร้างบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก

การประชุม AFMM ครั้งที่ 16 ซึ่งมีนาย Keat Chhon รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกัมพูชา เป็นประธาน ได้ร่วมกันหารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานด้านต่างๆ ภายใต้ AEC ที่เกี่ยวข้องกับกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนตลอดช่วงปีที่ผ่านมา และประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน ดังนี้

1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนมั่นใจในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนในปี 2555 ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จากแรงสนับสนุนหลักจากอุปสงค์ภายในประเทศ ภาคการเงินการธนาคารและพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นว่ายังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาการถดถอยของเศรษฐกิจยุโรปและความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งอาเซียนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเลขาธิการอาเซียนได้แสดงความเห็นในประเด็นนี้ว่า อาเซียนจะมีความสำคัญมากขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งทำให้อาเซียนต้องมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดกัน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างยั่งยืนและเท่าเทียมกันต่อไปในอนาคต

2. ที่ประชุมได้หารือร่วมกับประธานการประชุมผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนปีที่แล้ว ปีปัจจุบัน และปีหน้า (Troika) และได้เห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคการเงิน เพื่อรองรับความท้าทายต่างๆ รวมทั้ง ได้ร่วมหารือกับธนาคารโลก (World Bank) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำให้องค์กรการเงินระหว่างประเทศต่างๆ ดังกล่าวดำเนินโครงการและความช่วยเหลือต่างๆ ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของประเทศสมาชิกอาเซียนต่อไป

3. ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ ลงนามในเอกสารแนบท้ายความตกลงของผู้ถือหุ้นในกองทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Infrastructure Fund: AIF) เพื่อให้ไทยเข้าเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ และ ADB โดยไทยจะร่วมลงทุนในกองทุนนี้เป็นเงิน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกองทุน AIF จะป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการเชื่อมโยงของอาเซียน (ASEAN Connectivity) ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งในอนาคตไทยจะได้รับประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังได้ร่วมลงนามในความตกลงด้านศุลกากรอาเซียน (ASEAN Agreement on Customs) ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานด้านศุลกากรและเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกด้านการเคลื่อนย้ายสินค้า เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันให้กับการพัฒนาไปสู่ AEC ในปี 2558 4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้หารือถึงความคืบหน้าของแผนการรวมตัวด้านการเงินการคลังอาเซียน (Roadmap for Monetary and Financial Integration of ASEAN) ซึ่งมีความสำคัญในการสนับสนุนการเป็นตลาดและฐานการผลิตร่วมภายใต้ AEC และได้ติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือด้านการเงินการคลังในด้านต่างๆ ได้แก่ การประกันภัย ศุลกากร การต่อต้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และความร่วมมือด้านภาษี

5. เพื่อเป็นการกำหนดท่าทีของอาเซียนสำหรับการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) ซึ่งการกำหนดท่าทีดังกล่าวที่ประชุมมั่นใจว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและประชาคมโลกว่าอาเซียนมีกลไกที่แข็งแกร่งและเพียงพอในการช่วยเหลือประเทศสมาชิกในช่วงเวลาที่เกิดปัญหาดุลการชำระเงินโดยขนาดของ CMIM จะขยายเพิ่มขึ้นและกลไกในการทำงานเพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Monitoring Office: AMRO) ในการทำหน้าที่ระวังภัยทางเศรษฐกิจของสมาชิกอาเซียน+3 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการทบทวนกรอบการดำเนินงานของมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเซีย (Asian Bond Markets Initiative: ABMI) เพื่อให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมทางการเงินโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

6. การประชุม AFMM ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2556

สำนักการเงินการคลังอาเซียน

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. (02) 273-9020 ต่อ 3660

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 32/2555 30 มีนาคม 2555--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ