รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 23 เมษายน 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 23, 2012 12:06 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 23 เมษายน 2555

Summary:

1. มหาวิทยาลัยรังสิต คาดเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปีขยายตัวเกินกว่า 6%

2. รื้อภาษีสรรพสามิตลงตัวเร่งกรมศุลฯยกร่างกฎใหม่

3. ผู้เชี่ยวชาญชี้การขยายตัวของจีนเป็นผลดีต่อศก.โลก แต่ยังต้องปรับสมดุล

Highlight:
1. มหาวิทยาลัยรังสิต คาดเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังของปีขยายตัวเกินกว่า 6%
  • คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คาดว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่2 จะขยายตัว 5.8% และจะเพิ่มเป็น 6.5% ในไตรมาสที่3 และไตรมาสที่4 อยู่ที่ 13% ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนและการบริโภคที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบว่า การปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้มีผลต่อการจ้างงานไม่มากนัก เพราะประเทศไทยยังขาดแคลนแรงงานในหลายอุตสาหกรรม หากไม่ปรับขึ้นค่าแรงอาจจะไม่จูงใจให้เข้ามาทำงาน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในไทย อย่างไรก็ตามได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ SME โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.4%
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 55 จะขยายตัวในอัตราเร่ง ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 ภายหลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายลงโดยคาดว่าในปี 55 อุปสงค์ภายในประเทศจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย จากความจำเป็นในการบริโภคสินค้าเพื่อทดแทนทรัพย์สินที่เสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย และการลงทุนเพื่อฟื้นฟูอาคารบ้านเรือนและเครื่องมือเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนการใช้จ่าย เช่น มาตรการปรับเพิ่มรายได้แรงงานรายวันและเงินเดือนข้าราชการและโครงการจำนำข้าวเปลือก อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเปราะบาง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ยังไม่ชัดเจนและเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัวลง ทั้งนี้ สศค. คาดว่าปี 55 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.0 - 6.0 (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค. 55)
2. รื้อภาษีสรรพสามิตลงตัวเร่งกรมศุลฯยกร่างกฎใหม่
  • นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานเกี่ยวกับแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเรียบร้อยแล้ว และได้นำเสนอให้รมว.การคลังพิจารณาแล้ว โดยแนวทางการดำเนินการเบื้องต้นจะเป็นการปรับโครงสร้างทั้งในส่วนของฐานภาษีเก่า และมีการปรับปรุงฐานภาษีใหม่ เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นด้วยขณะเดียวกัน รมช.คลังได้มอบหมายให้กรมศุลกากรเร่งจัดทำร่างกฎระเบียบเพื่อรองรับระบบ National Single Window ซึ่งเป็นระบบการดำเนินงานที่ไทยได้กำหนดนโยบายร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน โดยตั้งเป้าหมายจะให้มีความชัดเจนภายในปี 2555
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ในปัจจุบัน รายได้ของรัฐส่วนใหญ่มีที่มาจากภาษีประเภทต่างๆ โดยในปีงบประมาณ 54 มีมูลค่าถึง 2.0 พันล้านบาท ซึ่งภาษีที่ทำรายได้ให้กับประเทศมากที่สุดคือภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีนิติบุคคล และภาษีสรรพสามิต โดยมีสัดส่วนร้อยละ 26.0 25.8 และ 18.0 ตามลำดับ ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆในโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นในการปรับปรุงโครงสร้างของภาษีเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ โดยที่ภาษีสรรพสามิตมีความสำคัญมากมีสัดส่วนเป็นอันดับ 3 จากรายได้ภาษีทั้งหมด ดังนั้นการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตจึงต้องเป็นไปอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด สำหรับการจัดสร้างระบบ National Single Window ของกรมศุลกากรนั้น จัดทำเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียนในปี 58 โดยจะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำเข้าและส่งออกสินค้า เพื่อความสะดวกของผู้ประกอบการในการตรวจสอบใบอนุญาตและใบรับรอง โดยไม่ต้องเดินทางไปติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ด้วยตัวเอง เป็นการลดต้นทุนต่างๆของผู้ประกอบการและภาครัฐ และยังเป็นการสร้างมาตรฐานที่ดีในระดับสากลอีกด้วย
3. ผู้เชี่ยวชาญชี้การขยายตัวของจีนเป็นผลดีต่อศก.โลก แต่ยังต้องปรับสมดุล
  • คณะผู้เชี่ยวชาญกล่าวในการสัมมนาระหว่างการประชุมประจำฤดูใบไม้ผลิของ IMF และธนาคารโลกที่วอชิงตันว่า การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนจะเป็นประโยชน์สำหรับเศรษฐกิจโลก โดยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดของ IMF คาดว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2555 จะขยายตัวที่ร้อยละ 8.2 แม้จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากวิกฤตหนี้ยุโรป แต่เศรษฐกิจจีน ซึ่งพึ่งพาอุปสงค์จากต่างประเทศอย่างมากนั้น ยังต้องมีการปรับสมดุลระหว่างอุปสงค์ภายในและภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการขยายตัวอย่างยั่งยืน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนเป็นผลมาจากอุปสงค์จากต่างประเทศเป็นสำคัญ และศักยภาพทางการผลิตของประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนจากดัชนีระดับการเปิดประเทศของจีนอยู่ที่ร้อยละ 55.2 นอกจากนี้ ดุลการค้านับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน(เดือนมี.ค. 55) ของจีนยังคงเกินดุลอยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การบริโภคภายในประเทศไม่ได้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอ สะท้อนจากสัดส่วนการบริโภคต่อจีดีพียังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 34.9 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของจีนและเศรษฐกิจโลก หากอุปสงค์ภายนอกได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ในยุโรป หรือภัยพิบัติธรรมชาติ ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจจีนในปี 55 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 8.0 (คาดการณ์ ณ เดือนมี.ค. 55)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ