นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบ “การปรับปรุงโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท” ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
โครงการพักหนี้ฯ ได้เริ่มดำเนินการระยะแรก เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการ พักหนี้ให้กับประชาชนที่มีความเดือดร้อนเร่งด่วนและมีปัญหาการชำระหนี้ โดยเน้นช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้คงค้าง ไม่เกิน 500,000 บาท ในสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จำนวน 6 แห่ง รวมประชาชนผู้มีสิทธิทั้งหมด 775,090 ราย ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการ 15 พฤศจิกายน 2554 จนถึง 15 เมษายน 2555 มีประชาชนมายื่นความจำนงแล้ว 661,508 ราย คิดเป็นร้อยละ 85.35 ของจำนวนประชาชนที่มีสิทธิทั้งหมด ในจำนวนนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว 428,384 ราย คิดเป็นร้อยละ 55.27 ของประชาชนที่มีสิทธิทั้งหมด หรือร้อยละ 64.76 ของประชาชนที่มายื่นความจำนง มูลหนี้ที่ได้รับการดูแลแล้ว 52,301,87 ล้านบาท โครงการระยะแรกนี้จะสิ้นสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2555 นี้
เพื่อเป็นการดูแลปัญหาภาระหนี้สินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงินให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม รัฐบาลจึงได้มีมติปรับปรุงโครงการพักหนี้ฯ ไปพร้อม ๆ กับขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่ประชาชนกลุ่มที่มีหนี้ในสถาบันการเงินเฉพาะกิจไม่เกิน 500,000 บาท ที่มีสถานะหนี้ปกติ โดยคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ ดังนี้
1. ปรับปรุงโครงการพักหนี้เดิมที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนที่เข้าใช้สิทธิโครงการนี้มีความเข้มแข็งและเพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้ โดยกำหนดให้
1.1 สถาบันการเงินเฉพาะกิจต้องเข้าดูแลประชาชนที่เข้าร่วมโครงการพักหนี้ฯ ให้ได้รับการฟื้นฟูศักยภาพจนสามารถเริ่มชำระหนี้คืนตามแผนชำระหนี้ใหม่ได้หลังจาก 12 เดือนนับแต่วันสิ้นสุดการฟื้นฟูลูกหนี้แต่ละราย ลูกหนี้ที่ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดจะยังได้รับสิทธิจากโครงการเช่นเดิม
1.2 ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ได้รับการชดเชยต้นทุนเงินจากรัฐบาล นำเงินชดเชยไปขยายวงเงินสินเชื่อใหม่สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
2. ให้รางวัลประชาชนที่เป็นลูกหนี้ที่มีสถานะหนี้ปกติ ที่มีหนี้ไม่เกิน 500,000 บาท ก่อนวันที่ 24 เมษายน 2555 ในสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยต้องไม่เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเช่าซื้อ/ลิสซิ่ง สินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำ และไม่เป็นลูกหนี้ที่ได้รับการลดอัตราดอกเบี้ยหรือได้รับอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษตามข้อตกลงของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งการขยายกลุ่มเป้าหมายสู่ลูกหนี้สถานะหนี้ปกตินี้คาดว่าจะมีประชาชนที่เป็นเกษตรกรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์จากโครงการพักหนี้ฯ เพิ่มอีก 3,758,226 ราย/บัญชี คิดเป็นมูลหนี้คงค้าง 459,113.05 ล้านบาท
ประชาชนกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ ดังกล่าว สามารถสมัครใจเข้าใช้สิทธิตามโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท ดังนี้
(1) เลือกพักเงินต้นและ ลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรือ ลดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่มีอยู่เดิมในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี โดยไม่พักเงินต้น เป็นระยะเวลา 3 ปี (ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2555 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2558)
(2) มีสิทธิขอกู้เพิ่มใหม่ได้ตามความสามารถในการชำระหนี้ ในอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน ณ วันที่ได้รับอนุมัติการกู้เพิ่ม
(3) ลูกหนี้ต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้หลังเข้าโครงการฯ
นอกจากนี้ สำหรับประชาชนที่เข้าร่วมโครงการพักหนี้ฯ ตามโครงการระยะแรก (ช่วยเหลือประชาชนที่มีปัญหาการชำระหนี้) สามารถขอเปลี่ยนเข้าร่วมโครงการพักหนี้ใหม่สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะหนี้ปกตินี้ได้ โดยแสดงความจำนงกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เป็นเจ้าหนี้เพื่อแสดงเจตนาเปลี่ยนสถานะหนี้ให้เป็นสถานะหนี้ปกติก่อนเข้าร่วมโครงการฯ
ทั้งนี้ รัฐบาลคาดว่าผลจากโครงการพักหนี้ฯ ที่เสนอในครั้งนี้ จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณร้อยละ 0.4 - 0.7 ต่อปี หรือ 44,000 — 77,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม จะมีการดูแลผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการพักหนี้ฯ อย่างรอบคอบไม่ว่าจะเป็น
1) การขาดวินัยทางการเงินของลูกหนี้ โดยกำหนดให้ภายหลังจากลูกหนี้เข้าโครงการแล้ว หากมีการผิดนัดชำระหนี้ตามเงื่อนไขใหม่ ลูกหนี้จะต้องออกจากโครงการทันที
2) กระทรวงการคลังจะแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่แนะนำและติดตามดูแลการใช้เงินของลูกหนี้ที่ประหยัดได้จากการเข้าโครงการครั้งนี้
3) การบรรเทาและช่วยเหลือผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ กระทรวงการคลังจะชดเชยรายได้ดอกเบี้ยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี และจัดหาแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำและแหล่งเงินเพิ่มทุน เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดจากการดำเนินการ รวมถึงแยกบันทึกบัญชีการดำเนินงานตามโครงการนี้ออกจากการดำเนินงานปกติ (Public Service Account : PSA) เพื่อประเมินผลกระทบอย่างโปร่งใสต่อไป
ประชาชนที่มีสิทธิและสนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถแสดงความจำนงขอเข้าร่วมโครงการระหว่างวันที่ 2 พฤษภาคม 2555 จน ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2555 ณ สถาบันการเงินเฉพาะกิจสาขาที่ท่านเป็นลูกค้า โดยผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการ หรือติดต่อตามหมายเลขโทรศัพท์ ดังนี้
สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3697 / 3212
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 02 555 0555
ธนาคารออมสิน โทร. 1115
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 1357
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 1302
สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 02 273 9020 ต่อ 3697 , 3212
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 42/2555 24 เมษายน 2555--