Macro Morning Focus ประจำวันที่ 17 พฤษภาคม 2555
Summary:
1. กระทรวงพาณิชย์เผยยอดจดทะเบียนบริษัทเดือน เม.ย. 55 4 พันราย
2. โตโยต้าฯ เผยยอดขายรถยนต์เดือนเม.ย.เพิ่มร้อยละ 30.5
3. วิกฤติหนี้ยุโรปส่งผลกดดันตลาดหุ้น แนะนาชะลอการลงทุน
Highlight:
1. กระทรวงพาณิชย์เผยยอดจดทะเบียนบริษัทเดือน เม.ย. 55 4 พันราย
- รมช.กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ในเดือนเม.ย.55 มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ เป็นนิติบุคคลจานวน 4,041 รายเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.54 ซึ่งมีจานวน 5,098 รายลดลงร้อยละ-20 สาหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศในเดือนเม.ย.55 มีจานวน 797 รายเมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.54 ซึ่งมีจานวน 562 รายเพิ่มขึ้น 235 รายคิดเป็นร้อยละ 41ทั้งนี้เมื่อรวมทั้งหมดจะมีห้างหุ้นส่วนสามัญ นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจากัด บริษัทจากัดทั่วประเทศ จานวน 505,922 รายและบริษัทมหาชนคงอยู่ 925 ราย
- สศค. วิเคราะห์ว่า จานวนการขอจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลใหม่ที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีที่ก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มลดลง เนื่องจากความกังวลจากปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มสหภาพยุโรปกลับมาอีกครั้ง ประกอบกับ แรงกดดันจากราคาน้ามันยังอยู่ในระดับสูง ทาให้ผู้ประกอบการคาดว่าอุปสงค์จากตลาดโลก จะชะลอตัวลงอีกทั้งยังเป็นช่วงปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่า และฐานเงินเดือนของราชการ ซึ่งอาจนาไปสู่การคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และเอื้อให้มีการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้า และบริการมากขึ้นทาให้แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่ในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ในเดือนเม.ย.55 เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวจากวิกฤตน้าท่วม ทาให้ความเชื่อมั่นของการลงทุนภาคเอกชนน่าจะสามารถเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ สศค.คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนในปี 55 จะขยายตัวโดยเฉลี่ยร้อยละ 11.9 โดยมีช่วงประมาณการณ์ที่ร้อยละ 10.9-12.9 (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค. 55)
2. โตโยต้าฯ เผยยอดขายรถยนต์เดือนเม.ย.เพิ่มร้อยละ 30.5
- บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด (โตโยต้าฯ) เผยยอดขายรถยนต์เดือน เม.ย.55 เท่ากับ 87,788 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30.5 และยอดขายรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.- เม.ย.) มีทั้งสิ้น 367,109 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.0 แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 139,482 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.7 รถเพื่อการพาณิชย์ 225,955 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 33.9 พร้อมคาดยอดขายเดือน พ.ค. จะขยายตัวต่อเนื่องหลังกาลังการผลิตจากทุกค่ายกลับเข้าสู่ระดับปกติหลังเกิดภาวะน้าท่วม เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งโตโยต้าฯ คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ทั้งระบบในปี 55 อยู่ที่ 1.1 ล้านคัน เติบโต ร้อยละ 38.5 จาก 7.94 แสนคันในปีที่แล้ว
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปริมาณการจาหน่ายรถยนต์นั่ง และรถยนต์เชิงพาณิชย์ในช่วง 4 เดือนแรก ของปีที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 20.0 สะท้อนการบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชนที่กลับมาฟื้นตัวหลังจากที่หดตัวในช่วงเหตุการณ์มหาอุทกภัย ในช่วงปลายปี 54 ประกอบกับนโยบายรถยนต์คันแรกของภาครัฐ และการจัดงานมอเตอร์โชว์ในช่วงระหว่างเดือนมี.ค. — เม.ย. 55 ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี การผลิตภาคยานยนต์สามารถกลับผลิตได้ตามปกติ สะท้อนได้จาก ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในหมวดยานยนต์ที่กลับขยายตัวร้อยละ 14.7 ในเดือนมี.ค. 55 เร่งขึ้นจากก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 4.0 ทั้งนี้ สศค. คาดว่าในปี 55 การบริโภคภาคเอกชน จะขยายตัวร้อยละ 4.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 — 5.0) และ GDP จะขยายตัว ร้อยละ 5.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.0 — 6.0)
3. วิกฤติหนี้ยุโรปส่งผลกดดันตลาดหุ้น แนะนาชะลอการลงทุน
- บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ จากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ดัชนี น่าจะปรับตัวลดลงหลังจากเมื่อวานรีบาวด์แรงโดยไม่มีต่างชาติและสถาบันหนุนอย่างมีนัย นอกเหนือจากนี้ สถานการณ์ในกรีซก็แย่ลงอีก ได้มีการประกาศว่าจะต้องเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่งในกลางเดือน มิ.ย. (กาหนดไว้ที่ 10 พ.ค. 55) หลังจากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติได้แม้จะเจรจากันหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ความเสี่ยงเรื่องกรีซออกจากยูโรโซน หรือจะผิดนัดชาระหนี้ ยังอยู่ในตลาดไปอีก 1 เดือน ทั้งนี้ค่าเงินยูโรได้อ่อนตัวต่าสุดในรอบ 4 เดือน
- สศค.วิเคราะห์ว่า ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จากช่วงต้นปี (YTD) อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวนจากความไม่แน่นอน ของการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยูโรโซน ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 1 — 16 พ.ค. 55 พบว่านักลงทุนสถาบันในประเทศบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างประเทศมียอดขายหลักทรัพยสุทธิกว่า 16.5 พันล้านบาท ในระยะต่อไป ประเมินได้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทย อาจมีความผันผวน โดยปัจจัยสาคัญขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการซื้อ—ขายของนักลงทุนต่างประเทศ ที่ได้มีการซื้อหลักทรัพย์ไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันกว่า 78.3 พันล้านบาท ทำให้อาจมีการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงได้อีกในอนาคต
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th