Macro Morning Focus ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2555
Summary:
1. ธสน. อุ้มผู้ส่งออกได้รับผลกระทบวิกฤตหนี้ยุโรป
2. ต่างชาติแห่ยื่นลงทุนไทย 5 เดือนแรกมูลค่าทะลุ 2 แสนล้านบาท
3. หุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทางหลังทราบผลเลือกตั้งกรีซ
Highlight:
1. ธสน. อุ้มผู้ส่งออกได้รับผลกระทบวิกฤตหนี้ยุโรป
- กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนาเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการกรณีที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ได้แก่ 1) พิจารณาผ่อนปรนดอกเบี้ยผิดนัด 2) ผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยรับซื้อลดเอกสารการส่งออก 3) บริการประกันการส่งออก เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชาระเงินค่าสินค้า และ 4) บริการประเมินความเสี่ยงผู้ซื้อในต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ผู้ส่งออกไทยควรเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจในเขตยูโรโซนยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งการชะลอตัวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยผ่านช่องทางการส่งออก ทาให้แนวโน้มการส่งออกรวมของไทยชะลอลง เนื่องจากสหภาพยุโรปถือเป็นตลาดการส่งออก ที่สาคัญอันดับ 4 ของไทย โดยมีสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 9.4 ของการส่งออกรวม ซึ่งสินค้าส่งออกที่สาคัญ ประกอบด้วย 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2.อัญมณีและเครื่องประดับ 3.เครื่องนุ่งห่ม 4.ผลิตภัณฑ์ยาง และ 5.แผงวงจรไฟฟ้า ตามลาดับ จากปัญหาหนี้ยุโรปทาให้การส่งออกสินค้าไปยุโรปล่าสุดเดือน เม.ย.55 หดตัวร้อยละ -11.4 ส่งผลให้ 4 เดือนแรกของการส่งออกสินค้าไปยุโรปหดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -15.6 อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ผู้ส่งออกควรเตรียมความพร้อมโดยการแสวงหาตลาดใหม่ๆ รองรับ
2. ต่างชาติแห่ยื่นลงทุนไทย 5 เดือนแรกมูลค่าทะลุ 2 แสนล้านบาท
- เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 ว่า นักลงทุนต่างชาติมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 547 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2.1แสนล้านบาท จานวนโครงการเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 432 โครงการ ในขณะที่เงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังเป็นแหล่งลงทุนที่สาคัญในสายตานักลงทุน
- สศค. วิเคราะห์ว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนจากต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย หลังจากที่ประสบเหตุการณ์มหาอุทกภัยไปในปี 2554 โดยนักลงทุนที่มาลงทุนมากที่สุดในช่วง 5 เดือนแรกของปีได้แก่นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น มีเม็ดเงินลงทุนรวมสูงถึง 1.3 แสนล้านบาท เป็นทั้งการขยายการลงทุนเดิมและเพิ่มการลงทุนใหม่ ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์ว่าการลงทุนภาคเอกชนในปี 2555 จะขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 11.9 (ประมาณการ ณ มี.ค. 55)
3. หุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทางหลังทราบผลเลือกตั้งกรีซ
- หุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทางขณะตลาดซึมซับชัยชนะจากศึกเลือกตั้งของพรรค New Democracy ที่หนุนแผนรัดเข็มขัดกรีซ และพุ่งเป้าไปที่อุปสรรคใหม่ในวิกฤติหนี้ยุโรป โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์สหรัฐ ร่วงลง 25.35 จุดหรือร้อยละ 0.20 ปิดที่ 12,741.82 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 1.94 จุดหรือร้อยละ 0.14 ปิดที่ 1,344.78 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก บวก 22.53 จุดหรือร้อยละ 0.78 ปิดที่ 2,895.33 จุด ขณะเดียวกัน หุ้นของบริษัทฮิวเล็ตต์-แพ็คการ์ด ปิดตลาดร่วงลงเกือบร้อยละ 3 ขณะที่หุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา อัลโค เจพีมอร์แกน เชส และเจนเนอรัล อิเล็กทริค(จีอี) ล้วนปิดตลาดร่วงลงกว่าร้อยละ 1
- สศค. วิเคราะห์ว่า แม้ผลการเลือกตั้งของกรีซจะส่งสัญญาณว่ากรีซจะสามารถอยู่ในยูโรโซนต่อไปภายใต้มาตรการรัดเข็มขัดตามเงื่อนไขของ Troika (IMF/EU/ECB) อย่างไรก็ดี ยังคงมีอีกหลายปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุน อาทิ แนวทางการบรรเทาวิกฤติหนี้สาธารณะในยูโรโซนโดยเฉพาะกรณีสเปน ที่ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนประเภทอายุ 10 ปีทะยานขึ้นเข้าใกล้ระดับร้อยละ 7 ซึ่งเป็นระดับที่นักวิเคราะห์ระบุว่าจะทาให้สเปนไม่สามารถชาระหนี้ได้ในระยะยาว และส่งผลให้รัฐบาลสเปนจาเป็นต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเหมือนกับที่โปรตุเกส, ไอร์แลนด์ และกรีซได้ทาไปก่อนหน้า ตลอดจนปัจจัยเสี่ยงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน และความก้าวหน้าในการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ รวมทั้งผลการประชุมสุดยอดของ EU ในช่วงปลาย มิ.ย. นี้
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th