ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2555 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมทบเงินให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ตามโครงการ bilateral borrowing เป็นจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอมเริกา ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้ IMF ในการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งมีรายละเอียดของโครงการ ดังนี้
1. รูปแบบการกู้ยืม : ประเทศสมาชิกสามารถเลือกทำความตกลงกับ IMF เป็น bilateral loan หรือ note purchase agreement โดยให้ผลตอบแทนตามอัตราดอกเบี้ยตลาดของสิทธิพิเศษถอนเงิน (Special Drawing Rights : SDR)
2. อายุความตกลงกู้ยืม : 2 ปี โดยในกรณีจำเป็นอาจขอต่ออายุได้อีกครั้งละ 1 ปี ไม่เกิน 2 ครั้ง (รวมอายุความตกลงไม่เกิน 4 ปี)
3. ระยะเวลาการใช้คืน : สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ในกรณีจำเป็นอาจขออนุมัติขยายระยะเวลาใช้คืนเพิ่มอีก 5 ปี
4. การเรียกใช้เงินกู้ควบคู่กับแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ของ IMF : เงินกู้ตามโครงการ bilateral borrowing ถือเป็น second line of defense ที่ IMF จะเรียกใช้ต่อเมื่อเงินทุนจากโควต้าของประเทศสมาชิกทั้งหมดและเงินกู้พหุภาคีตามข้อตกลง New Arrangement to Borrow (NAB) เหลือน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
5. การขอเบิกใช้วงเงิน : IMF จะทยอยขอใช้วงเงินตามความจำเป็น โดยแจ้งผลการเรียกใช้วงเงินล่วงหน้าเป็นรายไตรมาส
6. การเรียกเงินคืน : ผู้สมทบเงินกู้สามารถเรียกคืนเงินได้ทันที โดยเรียกคืนได้รายละไม่เกิน 15 พันล้าน SDR ซึ่งในกรณีของ ธปท. ที่สมทบน้อยกว่า 15 พันล้าน SDR จะสามารถเรียกคืนได้เต็มจำนวน และเงินสมทบแก่ IMF สามารถนับเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศได้
ทั้งนี้ ธปท. จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0 2273 9020 ต่อ 3213
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 75/2555 5 กรกฎาคม 2555--