รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 27, 2012 14:25 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2555

Summary:

1. ไทยจ่อขึ้นผู้ผลิตรถอันดับ9 มั่นใจช่วยดันยอดการใช้เหล็กเพิ่ม

2. ม.หอการค้าฯ ชี้ รัฐบาลคงเป้าส่งออกร้อยละ 9 ถือว่าเป็นสิ่งท้าทาย

3. รัฐบาลอิตาลีพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเผชิญภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

Highlight:
1. ไทยจ่อขึ้นผู้ผลิตรถอันดับ9 มั่นใจช่วยดันยอดการใช้เหล็กเพิ่ม
  • รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมั่นใจภาพรวมการใช้เหล็กในประเทศไทยในปี 2555 นี้ จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 8% เนื่องจากมีการผลิตรถยนต์ในประเทศในปริมาณที่สูง โดยจะก้าวเป็นฐานผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 9 ของโลก และการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล อาทิ รางรถไฟ และรถไฟฟ้าความเร็วสูง เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะท่าให้การใช้เหล็กเติบโตถึง 16% ได้ในอนาคต ด้านผู้อ่านวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากผลการศึกษาของสถาบันเหล็กฯ การลงทุนโครงการเหล็กต้นน้ำในประเทศต้องได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ และต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับอีกเป็นจ่านวนมาก จึงมีแนวคิดไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ทวาย ในประเทศพม่า
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ยอดการนาเข้าเหล็กดิบและการผลิตเหล็กในปี 55 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูงจากการผลิตรถยนต์ที่เร่งตัวขึ้นอย่างมาก ซึ่งมียอดการผลิตสูงถึง 2.2 ล้านคันในปีนี้ ประกอบกับความเสียหายจากภาวะน้าท่วมในช่วงปลายปี จะส่งผลให้มีความต้องการเหล็กเพื่อนามาซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย ทั้งนี้ ปัญหาอุปสรรคที่พบในอุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบันคือไทยต้องมีการนาเข้าเหล็กในปริมาณมาก โดยมีเหตุผลหลักมาจากเรื่องคุณภาพของเหล็กที่ผลิตในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นเหล็กเกรดใช้งานทั่วไป (commercial grade) ขณะที่ไทยไม่สามารถผลิตเหล็กคุณภาพสูง (high carbon grade) ได้ เนื่องจากมีข้อจากัดคือ ไทยยังไม่มีอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้น จึงจาเป็นต้องพึ่งพาการนาเข้าเหล็กดิบจากต่างประเทศเพื่อทาการแปรรูป
2. ม.หอการค้าฯ ชี้ รัฐบาลคงเป้าส่งออกร้อยละ 9 ถือว่าเป็นสิ่งท้าทาย
  • ผู้อ่านวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลยังคงตั้งเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ร้อยละ 9.0 ถือว่ายังเป็นสิ่งที่ท้าทาย เนื่องจากการส่งออกไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยปัจจุบันหลายประเทศมีการส่งออกเริ่มชะลอตัวลง อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และมาเลเซีย นอกจากนี้ยังคาดว่าทั้งปี 55 การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 6.0 ถึงร้อยละ 8.0 และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ร้อยละ 5.5-6.0
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 55 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.7 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.2-6.2) เร่งขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 0.1 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวในอัตราเร่ง หลังจากสถานการณ์น้าท่วมในช่วงปลายปี 54 คลี่คลายลง ประกอบกับภาคการผลิตสามารถดาเนินการได้ตามปกติ ในขณะที่การส่งออกไทยคาดว่าจะขยายตัวชะลอลง เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศแถบฝั่งตะวันตก อาทิสหภาพยุโรปและอเมริกา และส่งผลกระทบต่อเนื่องกับประเทศคู่ค้าหลักของไทยในแถบภูมิภาคเอเซีย โดยในปี 55 ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการคาดว่าจะชะลอลงมาขยายตัวที่ร้อยละ 8.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.0 — 9.0 ประมาณ ณ เดือน มิ.ย.55 ) และสศค. จะมีการปรับประมาณการใหม่อีกครั้ง เดือน ก.ย. 55
3. รัฐบาลอิตาลีพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจหลังเผชิญภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
  • นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวว่า อิตาลีจะให้ความส่าคัญในการจัดท่างบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเน้นการลดยอดหนี้ กับจะขายสินทรัพย์ในเดือนต่อไป และจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นศักยภาพในการแข่งขัน ลดต้นทุนด้านพลังงาน กับส่งเสริมการก่อตั้งบริษัทใหม่ เพื่อน่าอิตาลีออกจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมายาวนานกว่า 4 ปีแล้ว
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ความพยายามของรัฐบาลอิตาลีในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากการเสนอมาตรการสนับสนุนด้านภาษีถึงราวห้าหมื่นล้านยูโรในโครงการการลงทุนขนาดใหญ่เช่น ทางด่วนและท่าเรือ รวมไปถึงการลดภาวะการว่างงานอย่างเร่งด่วน จะเป็นปัจจัยสาคัญที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจอิตาลีไม่เข้าสู่ขั้นวิกฤติ โดยการเน้นลดยอดหนี้ดังที่จะมีการเริ่มขายสินทรัพย์ในสัปดาห์ที่จะถึงจะเป็นตัวทดสอบสาคัญว่าอิตาลีควรจะดาเนินการสร้างความเชื่อมั่นในขั้นต่อไปอย่างไร ท่ามกลางความหวาดหวั่นที่ระบบเศรษฐกิจของกลุ่มสหภาพยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอยยาวนาน หลังจากที่ความพยายามของรัฐบาลกรีซที่จะขอเวลาเพิ่มเติมในการดาเนินการตามข้อตกลงด้านการรัดเข็มขัดที่ให้ไว้กับสหภาพยุโรปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาไม่ประสบผลสาเร็จ เนื่องจากรัฐบาลเยอรมนีไม่เห็นด้วยและขอให้ดาเนินตามข้อตกลงในการลดงบประมาณราว 11.5 พันล้านยูโรภายในปี 2014 เพื่อให้กรีซสามารถดารงอยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรปต่อไป

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ