Macro Morning Focus ประจำวันที่ 19 กันยายน 2555
1. “กระทรวงพาณิชย์” คาดยอดส่งออกปี 55 ขยายตัวร้อยละ 7.23
2. ปตท. คาดน้ำมันขาขึ้นถึงสิ้นปี แนะรัฐปล่อยราคาดีเซลตามกลไลตลาด
3. กำไรภาคการผลิตไอที-อิเล็กทรอนิกส์ของจีนในเดือน ม.ค.-ก.ค. ลดลงร้อยละ 12.3 ต่อปี
- กระทรวงพาณิชย์ เผยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยที่ปีนี้คาดจะขยายตัวร้อยละ 7.23 นั้น เป็นตัวเลขการขยายตัวที่คาดว่าจะทาได้ แต่ยังไม่ถือว่าเป็นตัวเลขเป้าหมายหลักในปีนี้ คาดว่าในช่วงปลายปีหรือ ไตรมาสที่ 4 มูลค่าการส่งออกจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ ซึ่งจะพยายามผลักดันให้ขยายตัวเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือขยายตัวตั้งแต่ร้อยละ 10 ขึ้นไปให้ได้
- สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ค.55 มีมูลค่า 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ -4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตั้งแต่ต้นปี (YTD) หดตัวร้อยละ -0.4 เนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรป ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการผลิตและจาหน่ายสินค้าในหลายประเทศ ซึ่งเป็นตลาดสาคัญของไทย อาทิ สหภาพยุโรป สิงคโปร์ มาเลเซีย และจีน เป็นต้น ทาให้มีการนาเข้าสินค้าจากไทยลดลง โดยอัตราการเติบโตของการส่งออกในเดือน ก.ค. หดตัวลดลงร้อยละ -21.4 -25.4 -20.1 และ -7.5 ตามลาดับ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่ปรับตัวลดลงมากเป็นสินค้าในหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หดตัวร้อยละ -15.4 เกษตรหดตัวร้อยละ -15.2 โดยเฉพาะข้าวหดตัวร้อยละ -28.5 และยางพาราหดตัวร้อยละ -33.8 ทั้งนี้ สศค. จะปรับประมาณการมูลค่าการส่งออกสินค้าในปี 55 อีกครั้ง ในวันที่ 25 ก.ย. 55
- บริษัท ปตท.จากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันจากจนถึงสิ้นปี 55 อยู่ในช่วงขาขึ้น ปัจจัยหลักมาจากความต้องการใช้ตามฤดูกาลที่กาลังเข้าสู่ฤดูหนาว และยังมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจสหรัฐที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน (QE 3) รวมทั้งกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนี อนุมัติให้รัฐสภาสามารถรับรองการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูยุโรปถาวรได้ จึงคาดว่าจะมีผลให้การใช้น้ามันเพิ่มขึ้น ราคาคงไม่ลดต่ากว่าปัจจุบันที่ 113 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สาหรับราคาน้ามันในไทย ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายตรึงราคาน้ามันดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรนั้น ปตท.เห็นว่าควรปล่อยให้สะท้อนตามกลไกลตลาด นอกจากนี้ ค่าการตลาดน้ามันก็ไม่ควรกาหนดตายตัวที่ 1-1.50 บาทต่อลิตร เพราะปัจจุบันต้นทุนสูงขึ้น ทาให้ผู้ค้าน้ามันของต่างประเทศหลายรายถอนการลงทุนในไทย เช่น เจ็ท คิวเอท เป็นต้น
- สศค.วิเคราะห์ว่า ตั้งแต่ต้นปี 55 จนถึงปัจจุบัน พบว่า ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยดูไบอยู่ที่ 113.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 10.2 โดยราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยดังกล่าว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากราคาน้ามันขายปลีกในประเทศปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ามันดิบในตลาดโลก รวมถึงมาตรการตรึงราคาน้ามัน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 55 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 - 4.0) และจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ย. 55
- กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน เปิดเผยว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าด้านไอที และอิเล็กทรอนิกส์ของจีนได้รับรู้รายได้ทางธุรกิจเบื้องต้นจานวน 4.56 ล้านล้านหยวน ในช่วง 7 เดือนแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.9% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ผลกาไรของภาคอุตสาหกรรมลดลง 12.3% ต่อปี สู่ระดับ 1.38 แสนล้านหยวน นอกจากนี้ บริษัทจานวน 4,166 แห่ง จากทั้งหมด 16,621 แห่ง เผชิญกับภาวะขาดทุน ซึ่งเพิ่มขึ้น 19.4% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยการผลิตเครื่องมือวัดทางอิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตเรดาร์ เป็นภาคธุรกิจที่มีการเติบโตของรายได้ทางธุรกิจเบื้องต้นสูงสุด 2 อันดับแรก โดยทั้งสองภาคธุรกิจมีรายได้ 9.71 หมื่นล้านหยวน และ 1.47 หมื่นล้านหยวน ตามลาดับ ในเดือน ม.ค.-ก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 18.6% และ 18.5%
- สศค.วิเคราะห์ว่า การลดลงของกาไรในภาคการผลิตไอที-อิเล็กทรอนิกส์ของประจีนที่ลดลงแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ออกโดย HSBC ซึ่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่าตัวเลขของสานักงานสถิติจีน อยู่ในระดับที่ต่ากว่า 50 ตั้งแต่เดือน พ.ย. 54 เป็นระยะเวลา 10 เดือนติดต่อกัน ซึ่งตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 47.6 สาหรับเดือน ส.ค. 55 บ่งชี้การหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกของจีนในเดือน ส.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน บ่งชี้ภาคการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งสศค. คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจีนในปี 55 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 7.9 (คาดการณ์ ณ เดือน มิ.ย. 55)
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th