Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 กันยายน 2555
Summary:
1. ฐิติกร คาดโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่จะช่วยรักษากำลังซื้อตลาด จยย.โตต่อเนื่อง
2. ส.อ.ท. ลุ้นปีนี้ไทยครองแชมป์ผลิตรถยนต์ในอาเซียน
3. S&P ลดคาดการณ์GDP จีนปีนี้เหลือ7.5%
Highlight:
1. ฐิติกร คาดโครงการรับจำนำข้าวรอบใหม่จะช่วยรักษากำลังซื้อตลาด จยย.โตต่อเนื่อง
- บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งเป็นผู้นำด้านบริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เชื่อมั่นการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกต่อในปีหน้าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ฐิติกร จำกัด ยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลนั้น มีผลต่อตลาดรถมอเตอร์ไซค์โดยตรงในตลาดภาคกลางและภาคอีสาน
- สศค. วิเคราะห์ว่า นโยบายรับจำนำข้าวส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้รายได้ของเกษตรกรปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้เกษตรกร ณ เดือน ส.ค.55 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (%YoY) ทั้งนี้ เกษตรกรในภาคกลางและภาคอีสานจะได้รับอานิสงค์จากนโยบายรับจำนำข้าวค่อนข้างมาก เนื่องจากมีพื้นที่การเพาะปลูกข้าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อของเกษตรกรเพิ่มขึ้นและจะเป็นปัจจัยบวกต่อปริมาณยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ให้ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี คาดว่าปริมาณยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในภาคใต้จะชะลอลงตามรายได้ที่ลดลงจากราคายางพาราที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลล่าสุด 8 เดือนแรกของปี 55 ปริมาณยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมอยู่ที่ 1,558.8 พันคัน หรือขยายตัวที่ร้อยละ 1.5
2. ส.อ.ท. ลุ้นปีนี้ไทยครองแชมป์ผลิตรถยนต์ในอาเซียน
- โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไทยมีโอกาสที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในอาเซียนขึ้นเป็นร้อยละ 60 จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งร้อยละ 54 ของยอดการผลิตในอาเซียน และยังถือเป็นอันดับ 1 ของตลาดในอาเซียนเช่นกัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องจำหน่ายรถยนต์อีโคคาร์ให้ทันภายในปีนี้
- สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 55 มีการขยายตัวได้สูงกว่าในทุกๆปีที่ผ่านมา โดยมีการขยายตัวทั้งตลาดภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ สังเกตได้จากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ยังคงขยายตัวได้สูงต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี โดยในเดือน ส.ค. 55 มียอดการจำหน่ายรวม 61,044 คัน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 71.7 และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-om SA) พบว่าขยายตัวร้อยละ 4.5 แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนยอดการส่งออกรถยนต์รวมในช่วง 8 เดือนแรกของปีก็ขยายตัวสูงที่ร้อยละ 46 เนื่องจากมีการเร่งการส่งออกเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าที่ได้สั่งซื้อไว้ในช่วงปี 54 ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์มหาอุทกภัย ทั้งนี้คาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ในปี 55 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.3 ล้านคัน
3. S&P ลดคาดการณ์GDP จีนปีนี้เหลือ7.5%
- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ S&P ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ลงมาอยู่ที่ระดับ7.5% เนื่องจากเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ชะลอตัวลง รวมทั้งวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยังคงยืดเยื้อ และการฟื้นตัวที่ล่าช้าเกินคาดของเศรษฐกิจสหรัฐ ทั้งนี้ วิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลให้ประเทศเอเชียแปซิฟิกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย
- สศค. วิเคราะห์ว่า จีนกำลังเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบไปยังหลายภาคส่วนทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต และการส่งออก โดยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของจีน ณ ก.ย. 55 อยู่ที่ระดับ 47.8 ต่ำกว่า 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 บ่งชี้ การหดตัวอย่างต่อเนื่องของภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าของจีนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 7.1 และ 5.3 ต่อปี (YoY) ตามลำดับ ชะลอตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 54 ที่ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 20.3 และ 24.9YoY ตามลำดับ ซึ่งภาวะการชะลอตัวดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยที่มีสัดส่วนการส่งออกไปจีนกว่าร้อยละ 12.3 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย 55
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th