นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนกันยายน 2555 ว่า “เศรษฐกิจไทยในปี 2555 คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ 5.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.3 — 5.8) เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้าตามปัญหาข้อ จำกัดในภาคการผลิตที่เริ่มคลี่คลายลงตามลำดับ ประกอบกับอุปสงค์ภาคเอกชน ทั้งการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนที่สามารถฟื้น กลับสู่ระดับก่อนอุทกภัยได้แล้ว นอกจากนี้ นโยบายของภาครัฐ เช่น การเพิ่มรายได้แรงงานรายวันและเงินเดือนข้าราชการ การรับจำนำ ข้าวเปลือก โครงการรถยนต์คันแรก โครงการบ้านหลังแรก และการทยอยปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ยังมีส่วนสนับสนุนการใช้จ่ายภายในประเทศ ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาครัฐมีบทบาทในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกสินค้าและบริการคาดว่าจะ ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอและผันผวนสูงจากปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจภายใน ประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2555 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 — 3.5) ลดลงจากปีก่อนหน้า ตามราคา น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราชะลอลง อันเป็นผลมาจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ชะลอลง ประกอบกับผลจาก แนวทางการดูแลราคาน้ำมันขายปลีกของภาครัฐ
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2556 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.7 — 5.7) โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภาครัฐและอุปสงค์จากต่างประเทศที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ อันมีปัจจัยสนับสนุนจากการเบิกจ่ายตามแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวของภาครัฐวงเงินลงทุนรวม 3.5 แสนล้านบาทที่คาดว่าจะเริ่มทยอยลงทุน ได้มากขึ้นในปี 2556 ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่แม้ว่าจะยังคงมีความเสี่ยง แต่มีแนวโน้มว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอลง ภายหลังจากที่มีการเร่งการบริโภคและการลงทุนเพื่อฟื้นฟูภายหลังเหตุการณ์อุทกภัยไปมากแล้วในปีก่อน ใน ด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2556 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 — 4.0) ตาม อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชีย
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่างไรก็ตาม ในการประมาณการเศรษฐกิจจำเป็นต้องคำนึง ถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าที่จะเป็นไปได้รวดเร็วมากน้อยเพียงใด การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ที่จะเป็นไปตามเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด ความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน อีกทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศต่างๆ ในโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย”
ตารางสรุปสมมติฐานและผลการประมาณการเศรษฐกิจปี 2555 และ 2556 (ณ เดือนกันยายน 2555)
2554 2555 f 2556 f (ณ กันยายน 2555) (ณ กันยายน 2555) เฉลี่ย ช่วง เฉลี่ย ช่วง สมมติฐานหลัก สมมติฐานภายนอก 1) อัตราการขยายตัวเฉลี่ย 14 ประเทศคู่ค้าหลัก (ร้อยละต่อปี) 4 3.6 3.4-3.9 4.1 3.6-4.6 2) ราคาน้ำมันดิบดูไบ (ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล) 105.6 113 110.5-115.5 118 113.0-123.0 3) ราคาสินค้าส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละต่อปี) 5.6 1 0.5-1.5 3 2.0-4.0 4) ราคาสินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละต่อปี) 10.1 2.6 2.1-3.1 4.5 3.5-5.5 สมมติฐานด้านนโยบาย 5) อัตราแลกเปลี่ยน (บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) 30.5 31.25 30.75-31.75 31 30.00-32.00 6) อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ สิ้นปี (ร้อยละต่อปี) 3.25 3 2.75-3.25 3 2.50-3.50 7) รายจ่ายภาคสาธารณะตามปีงบประมาณ (ล้านล้านบาท) 2.77 2.9 2.89-2.91 3.1 3.09-3.11 ผลการประมาณการ 1) อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (ร้อยละต่อปี) 0.1 5.5 5.3-5.8 5.2 4.7-5.7 2) อัตราการขยายตัวของการบริโภครวม (ร้อยละต่อปี) 1.3 4.9 4.7-5.2 3.9 3.4-4.4 - การบริโภคภาคเอกชน (ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี) 1.3 5.2 5.0-5.5 4 3.5-4.5 - การบริโภคภาครัฐ (ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี) 1.1 3 2.8-3.3 3.2 2.7-3.7 3) อัตราการขยายตัวของการลงทุนรวม (ร้อยละต่อปี) 3.3 12.8 12.3-13.3 11.4 10.4-12.4 - การลงทุนภาคเอกชน (ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี) 7.2 14.1 13.6-14.6 10 9.0-11.0 - การลงทุนภาครัฐ (ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี) -8.7 8.1 7.6-8.6 16.9 15.9-17.9 4) อัตราการขยายตัวปริมาณส่งออกสินค้าและบริการ (ร้อยละต่อปี) 9.5 3.7 3.2-4.2 7.3 6.3-8.3 5) อัตราการขยายตัวปริมาณนำเข้าสินค้าและบริการ (ร้อยละต่อปี) 13.7 6.6 6.1-7.1 5.4 4.4-6.4 6) ดุลการค้า (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) 23.5 5.6 5.1-6.1 5 4.0-6.0 - สินค้าส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละต่อปี) 13.1 4.5 4.0-5.0 10.5 9.5-11.5 - สินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละต่อปี) 24.9 10.5 10.0-11.0 11 10.0-12.0 7) ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) 11.9 -2 -2.9ถึง-1.0 -2.1 -4.0ถึง-0.1 - ร้อยละของ GDP 3.4 -0.5 -0.8ถึง-0.3 -0.5 -1.0ถึง0.0 8) อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (ร้อยละต่อปี) 3.8 3.3 3.0-3.5 3.5 3.0-4.0 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ร้อยละต่อปี) 2.4 2 1.7-2.2 2.1 1.6-2.6 9) อัตราการว่างงาน (ร้อยละของกำลังแรงงานรวม) 0.7 0.6 0.5-0.7 0.6 0.5-0.7
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการการคลัง โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3255
เอกสารแนบ
รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2555 และ 2556
1. เศรษฐกิจไทยในปี 2555
1.1 ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยในปี 2555 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราร้อยละ 5.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.3 — 5.8) เป็นการฟื้นตัวเร่งขึ้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 เนื่องจากปัญหาข้อจำกัดในภาคการผลิตที่สืบเนื่องจากอุทกภัยเริ่มคลี่คลายลงตามลำดับ โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง จากการที่โรงงานอุตสาหกรรมสามารถกลับมาทำการผลิตได้และมีการเร่งผลิตเพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อที่ยังค้างอยู่ ประกอบกับอุปสงค์ภาคเอกชนที่สามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและกลับสู่ระดับก่อนอุทกภัยได้แล้ว โดยการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 14.1 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 13.6 — 14.6) เร่งขึ้นตามแผนขยายการลงทุนของผู้ประกอบการเพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่ยังมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวได้ดี ประกอบกับความจำเป็นของผู้ประกอบการภาคธุรกิจในการเร่งลงทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายของอาคารบ้านเรือนและซ่อมแซมเครื่องมือเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมจากภาวะอุทกภัย ซึ่งสอดคล้องกับการนำเข้าสินค้าทุนที่ยังขยายตัวได้ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.0 — 5.5) เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้า ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มรายได้ของประชาชนที่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะรายได้ภาคเกษตรที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีตามปริมาณผลผลิตที่ขยายตัว และราคาสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะยังได้ประโยชน์จากมาตรการแทรกแซงราคาของภาครัฐ ขณะที่รายได้นอกภาคเกษตรกรรมมีแนวโน้มที่ดีเช่นกันตามการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐคาดว่าจะยังคงมีบทบาทในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าการบริโภคภาครัฐจะขยายตัวร้อยละ 3.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.8 — 3.3) และการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 8.1 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.6 — 8.6) ตามการใช้จ่ายในโครงการภาครัฐ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น อาทิ การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และ มาตรการในส่วนของแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวของภาครัฐวงเงินลงทุนรวม 3.5 แสนล้านบาท ที่เริ่มทยอยลงทุนได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2555 เป็นต้นไป ซึ่งมาตรการภาครัฐดังกล่าวจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการคาดว่าจะชะลอลงมาขยายตัวที่ร้อยละ 3.7 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.2 — 4.2) ตามอุปสงค์ต่อสินค้าส่งออกของไทยที่คาดว่าจะลดลง จากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอและผันผวนสูงจากปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ขยายวงกว้างและมีทีท่าว่าจะยืดเยื้อ ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเอเชียยังคงมีความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม การส่งออกด้านบริการคาดว่าจะขยายตัวได้ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะเร่งตัวสูงกว่าการส่งออก โดยจะขยายตัวร้อยละ 6.6 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 6.1 — 7.1) ตามอุปสงค์ภายในประเทศที่เร่งตัวภายหลังอุทกภัย ประกอบกับความต้องการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายของภาคการผลิตจากเหตุการณ์อุทกภัย
1.2 ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ในด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2555 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 — 3.5) ลดลงจากปีก่อนหน้า จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราชะลอลง อันเป็นผลมาจากอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่ชะลอลงตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง ประกอบกับผลจากแนวทางการดูแลราคาน้ำมันขายปลีกของภาครัฐ โดยเฉพาะในส่วนของการชะลอการกลับมาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปเป็นช่วงต้นปี 2556 เพื่อดูแลราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.6 ของกำลังแรงงานรวม (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.5 — 0.7 ของกำลังแรงงานรวม) ในด้านเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลที่ 2.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.3 ถึง 0.8 ของ GDP) เนื่องจากดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่คาดว่าจะขาดดุลค่อนข้างมาก ตามรายจ่ายค่าระวางสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากจากการนำเข้าสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัว ประกอบกับดุลการค้าที่คาดว่าจะเกินดุลลดลงมาอยู่ที่ 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 5.1 — 6.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตามมูลค่าสินค้านำเข้าที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราเร่งกว่ามูลค่าสินค้าส่งออก โดยคาดว่ามูลค่านำเข้าสินค้าในปี 2555 จะขยายตัวร้อยละ 10.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 10.0 — 11.0) ขณะที่มูลค่าส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 — 5.0)
2. เศรษฐกิจไทยในปี 2556
2.1 ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยในปี 2556 คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 5.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.7 — 5.7) ซึ่งจะมีแรงขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภาครัฐและอุปสงค์จากต่างประเทศที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ โดยการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวได้ในระดับสูงที่ร้อยละ 16.9 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 15.9 — 17.9) อันมีปัจจัยสนับสนุนจากทั้งรายจ่ายงบประมาณและรายจ่ายตามแผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวของภาครัฐวงเงินลงทุนรวม 3.5 แสนล้านบาทที่คาดว่าจะเริ่มทยอยลงทุนได้มากขึ้นในปี 2556 ขณะที่การบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.2 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.7 — 3.7) ตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีของรัฐบาลในปี 2556 ที่คาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่แม้ว่าจะยังคงมีความเสี่ยง แต่มีแนวโน้มว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปลายปี 2556 คาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการฟื้นตัวกลับเข้าสู่ระดับการขยายตัวที่ร้อยละ 7.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 6.3 — 8.3) ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.4 — 6.4) อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอัตราชะลอลงกลับสู่ระดับการขยายตัวปกติ ภายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้เร่งลงทุนเพื่อฟื้นฟูไปมากแล้วในช่วงปีก่อนหน้า ขณะที่ความต้องการบริโภคที่อั้นมาจากช่วงอุทกภัยได้รับการตอบสนองไปแล้ว โดยการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวขยายตัวชะลอลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.5 — 4.5) ส่วนการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 9.0 — 11.0)
2.2 ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ
เสถียรภาพภายในประเทศ ในด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2556 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 — 4.0) ตามอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจเอเชีย ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.6 ของกำลังแรงงานรวม (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.5 — 0.7 ของกำลังแรงงานรวม) ในด้านเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลเล็กน้อยที่ 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.0 — 1.0 ของ GDP) เนื่องจากดุลการค้าที่คาดว่าจะเกินดุลลดลงมาอยู่ที่ 5.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 4.0 — 6.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตามมูลค่าสินค้านำเข้าที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราเร่งกว่ามูลค่าสินค้าส่งออก โดยคาดว่ามูลค่านำเข้าสินค้าในปี 2556 จะขยายตัวร้อยละ 11.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 10.0 — 12.0) ขณะที่มูลค่าส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 9.5 — 11.5)
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3255
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 106/2555 25 กันยายน 2555--