รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2555

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2555

1. ส.อ.ท.ชี้ปัญหาเศรษฐกิจโลกกดดัน ทำส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารทั้งปีโตแค่ร้อยละ 1.6

2. รมต.ญี่ปุ่น แสดงความสนใจลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำ และรถไฟความเร็วสูง

3. ธนาคารโลกลดประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจเอเชียในปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 7.2

Highlight:

• ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการประเมินแนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมอาหารไทยในไตรมาส 3/55 คาดว่าการส่งออกอาหารไทยในไตรมาส 3/55 จะมีมูลค่า 253,125 ล้านบาท หดตัวร้อยละ -0.8 แต่ยังมั่นใจว่าจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4/55 ทั้งนี้ คาดว่าทั้งปีนี้ภาพรวมภาคการผลิตจะหดตัวร้อยละ -1.3 โดยจากการประเมินการส่งออกอาหารโดยรวมจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 หรือเป็นมูลค่า 980,000 ล้านบาทลดลงจากเป้าที่คาดว่าจะส่งออกได้มูลค่า 1 ล้านล้านบาท
• สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกอาหารของไทยคาดว่ามีแนวโน้มจะชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อันเนื่องจากปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรปที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์โดยรวมของโลก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและประเทศในภูมิภาคเอเชียให้ขยายตัวในอัตราชะลอลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกรวมของไทย ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งออกอาหารก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยล่าสุดในเดือน ส.ค. 55 การส่งออกอาหารหดตัวที่รัอยละ -9.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออก 1,595 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี อุตสากรรมอาหารก็ยังคงได้รับอานิสงค์จากตลาดอาหารโลกจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในประเทศฝั่งเอเชีย ทำให้ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 55 การส่งออกอาหารของไทยยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออก 12,180 ล้านเหรียญสหรัฐ

• รมว.ที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และการท่องเที่ยว และ รมต.ที่กำกับดูแลนโยบายทางทะเล ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทย เพื่อแสดงความพร้อมในการเข้าร่วมโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย โดยมีความสนใจการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำและระบบรถไฟความเร็วสูง โดยญี่ปุ่นมีจุดแข็งในด้านประสบการณ์การจัดการอุทกภัย ซึ่งพร้อมนำประสบการณ์ดังกล่าวมาถ่ายทอดให้กับประเทศไทย ส่วนโครงการพัฒนาการขนส่งระบบรางนั้น ญี่ปุ่นได้ย้ำความพร้อมและศักยภาพในโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือระบบรางกับ รมว.คมนาคมของไทยในระหว่างการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นใน วันที่ 9 ต.ค. 55 นี้
• สศค. วิเคราะห์ว่า การเจรจาดังกล่าวจะช่วยสนันสนุนและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสองประเทศ ทำให้การทำงานร่วมกันในอนาคตเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการจัดการประมูลภายในปี 56 ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่า ต้นทุนโลจิสทิกส์ของไทยยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 17.9 ของ GDP (ประมาณการ โดย สศช. ในปี 2553) เทียบกับประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซีย สิงค์โปร์ ที่อยู่ที่ร้อยละ 14.0 7.0 ตามลำดับ ดังนั้นจำเป็นต้องมีการพัฒนา และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อลดต้นทุนโลจิสทิกส์ลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในอนาคต

• ธนาคารโลก ปรับลดประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจเอเชียในปี 55 ลงเหลือร้อยละ 7.2 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 7.6 จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งนับเป็นสัญญาณใหม่ที่บ่งชี้ว่าเอเชียเริ่มได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง โดยเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 7.7 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพฤษภาคม 55 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 8.2
• สศค. วิเคราะห์ว่า ในปี 55 เศรษฐกิจโลกยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะ ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริง ภาคการเงิน และอุปสงค์โดยรวมของโลก และยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนและอินเดียที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ 7.8 และร้อยละ 6.3 จากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.2 และร้อยละ 7.1 ตามลำดับ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี สำหรับประเทศไทย ได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อชดเชยอุปสงค์จากนอกประเทศที่ชะลอลงดังกล่าว ประกอบกับความพยายามของทางการไทยในการกระจายตลาดส่งออกให้มากขึ้น ส่งผลให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดย สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 55 และ 56 จะขยายตัวร้อยละ 5.5 และ 5.2 ตามลำดับ (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย. 55)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th