รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555

1. สศอ. ประกาศดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนต.ค.55 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.1

2. ยอดขายตลาดรถยนต์ในเดือน ต.ค. 55 อยู่ที่ 142,839 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 233.2

3. IMF และยูโรกรุ๊ปอนุมัติเงินช่วยกรีซ 4 หมื่นล้านยูโร พร้อมปล่อยเงินกู้รอบใหม่ให้แก่รัฐบาลเอเธนส์

Highlight:

• ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือนต.ค.55 อยู่ที่ 173.88 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.1เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 จากเดือนก่อนหน้า และอัตราการใช้กำลังผลิตในเดือนต.ค.55 อยู่ที่ร้อยละ 67.9 ขณะที่ในช่วง 10 เดือน (ม.ค.- ต.ค. 55) MPI อยู่ที่ 176.23 หดตัวลดลงร้อยละ -3.2 โดย สศอ.ยังคงประมาณการภาพรวม MPI ปี 55 จะขยายตัวร้อยละ 5.0 - 6.0 และ ปี 56 ขยายตัวร้อยละ 3.5 - 4.5
• สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ MPI ในเดือนต.ค. 55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 36.1 ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญของภาคอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ ยานยนต์ และชิ้นส่วนพลาสติก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากปรับผลของฤดูกาลแล้วพบว่า MPI ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 จากเดือนก่อน โดย MPI ของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ซึ่งมีน้ำหนักร้อยละ 9.6 ของ MPI ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 จากเดือนก่อน ตามคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่เป็นจำนวนมากและการใช้สิทธิตามนโยบายรถคันแรก และMPI ของผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีน้ำหนักร้อยละ 15.3 ของ MPI ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 103.6 จากเดือนก่อน แต่ก็มีบางอุตสาหกรรมที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมการปั่นและการทอ และอุตสาหกรรมผลิตเครื่องอแปกรณ์และการขนส่งที่ปรับตัวลดลงร้อยละ -10.6 และ -5.7 จากเดือนก่อนตามลำดับ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาดัชนีชี้นำ (Leading Indicator) เช่น ปริมาณการนำเข้าวัตถดิบหักทองแล้วพบว่า ในเดือน ต.ค. 55 เท่ากับ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับผลทางฤดูกาลแล้วขยายตัวร้อยละ 13.7 จากเดือนก่อน เป็นการส่งสัญญาณทางบวกต่อภาคอุตสาหกรรมในอนาคต

• บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานปริมาณการขายตลาดรถยนต์ในเดือน ต.ค. 55 อยู่ที่ 142,839 คัน ขยายตัวร้อยละ 233.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 72,211 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 263.7 รถเพื่อการพาณิชย์ 70,628 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 206.8 และรถกระบะขนาด 1 ตัน จำนวน 61,391 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 225.5 ซึ่งถือเป็นจำนวนยอดขายต่อเดือนสูงสุดเป็นสถิติใหม่ของทั้ง 3 ตลาด จากผลของความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น นโยบายของภาครัฐ และค่ายรถยนต์แต่ละค่ายสามารถปรับกำลังการผลิตได้เต็มที่
• สศค. วิเคราะห์ว่า ปริมาณการขายรถยนต์ในช่วง 10 เดือน ของปี 55 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,14 ล้านคัน ขยายตัวได้สูงถึงร้อยละ 60.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการเติบโตของตลาดรถยนต์นั่งและตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ร้อยละ 62.6 และ 58.2 ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสที่ 3 ปี 55 ที่สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 6.0 เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 5.3 โดยเฉพาะจากการบริโภคสินค้าคงทนเป็นสำคัญ รวมถึงยังสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค. 55 ที่เติบโตได้สูงถึงร้อยละ 416.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือน ต.ค. 55 ที่อยู่ที่ร้อยละ 118.6 ของกำลังการผลิตรวม นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดรถยนต์ยังสะท้อนถึงการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาอยู่ในระดับปกติภายหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย โดยสามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นและสามารถส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สศค. คาดว่า การบริโภคที่แท้จริงในปี 55 และ 56 จะขยายตัวร้อยละ 5.2 และ 4.0 ตามลำดับ (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย. 55)

• ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป) และ IMF ได้พบปะหารือ ณ กรุงบรัสเซลส์ นครหลวงของเบลเยียม ในเรื่องการปล่อยเงินช่วยเหลือเพื่อลดภาระหนี้ให้กับกรีซเป็นจำนวนเงินมากกว่า 40,000 ล้านยูโร (ราว 1.59 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2563 พร้อมเตรียมปล่อยเงินกู้ยืมรอบใหม่แก่รัฐบาลเอเธนส์ ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แสดงความยินดีกับข้อตกลงดังกล่าว โดยระบุว่าการตัดสินใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ จะช่วยลดบรรยากาศของความไม่แน่นอน และจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในยุโรปและในกรีซ
• สศค. วิเคราะห์ว่า ความตกลงเห็นชอบครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่ออนาคตของกรีซซึ่งในปัจจุบัน มีหนี้สินสูงถึง 144 % ของจีดีพี โดยข้อตกลงระหว่างยูโรกรุ๊ปและไอเอ็มเอฟที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้สัดส่วนหนี้ ที่รัฐบาลเอเธนส์ต้องแบกรับจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 124 % ของจีดีพีภายในปี 2563 หรือ 8 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน กรีซ ยังจะได้รับเงินช่วยเหลือรอบใหม่มูลค่า 43,700 ล้านยูโร (ราว 1.74 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากภาวะล้มละลายทางเศรษฐกิจ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 ปี 55 (ตัวเลขเบื้องต้น) หดตัวที่ร้อยละ -0.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ หดตัวร้อยละ -0.1 จากไตรมาสก่อน ต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ปี 55 ที่หดตัวร้อยละ -0.2 จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคแล้ว ผลจากเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะหดตัวต่อเนื่องและส่งผลกระทบไปยังกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปี 55 จะขยายตัวร้อยละ -0.9 (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย. 55)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th