Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2555
Summary:
1. รมว.คมนาคมคาดเปิดประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูง ปีหน้า
2. คปภ. เผยตัวเลขธุรกิจประกันภัยไทยเดือน ต.ค. โตร้อยละ 32.23
3. เวียดนามลดอัตราดอกเบี้ยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
Highlight:
1. รมว.คมนาคมคาดเปิดประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงปีหน้า
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า จะเร่งดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยตั้งเป้าเปิดประมูลโครงการดังกล่าว ในช่วงไตรมาส 3 - 4 ของปี 56 ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวนายกรัฐมนตรีแนะนำว่า หากอะไรที่ทำ ขนานกันไปได้ ก็ให้ทำขนานกันไป อย่างเช่น การทำ EIA ซึ่งเป็นเรื่องที่กังวลอยู่ตอนนี้ ก็อาจจะทำขนานกันไปเลยกับเรื่องสัญญาต่างๆ ซึ่งอีก 1 เดือน ก็จะกลับมารายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงความคืบหน้า พร้อมติดตามความคืบหน้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในส่วนของโครงการรถไฟสายสีแดงที่ยังค้างอยู่
- สศค. วิเคราะห์ว่า การลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของประเทศ โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะมีการขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ มีความสะดวกรวดเร็วและประหยัดเวลา นอกจากนั้น ยังทำให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นตาม (Crowding in effect) เช่น การก่อสร้างที่อยู่อาศัยในบริเวณสถานีรถไฟความเร็วสูงที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดว่างบประมาณในการลงทุนก่อสร้างเฉลี่ยจะอยู่ที่ 500 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ซึ่งต่ำกว่าประเทศญี่ปุ่นที่ใช้งบลงทุนเฉลี่ย 1,200 ล้านบาทต่อกิโลเมตร เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่แตกต่างกัน และใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 5 ปี
2. คปภ. เผยตัวเลขธุรกิจประกันภัยไทยเดือน ต.ค. โตร้อยละ 32.23
- เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เผยตัวเลขภาพรวมธุรกิจประกันภัยในเดือน ต.ค. 55 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 32.23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งสิ้น 49,716 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยจากธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งสิ้น 18,303 ล้านบาท ขยายตัวในอัตราเร่งถึงร้อยละ 44.83 และเป็นเบี้ยจากธุรกิจประกันชีวิตจำนวน 31,413 ล้านบาท ขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 25.85 ส่งผลให้รวม 10 เดือน (ม.ค. - ต.ค. 55) ธุรกิจประกันภัย ขยายตัวร้อยละ 20.39 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 455,920 ล้านบาท
- สศค. วิเคราะห์ว่า เบี้ยประกันภัยที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากการทำประกันวินาศภัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการทำประกันภัยรถยนต์ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 23.35 ซึ่งคาดว่าได้รับอานิสงส์จากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลที่ส่งผลให้ยอดปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัวในระดับสูงถึงร้อยละ 263.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่ขยายตัวสูงเช่นเดียวกันที่ร้อยละ 38.84 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเห็นความสำคัญของการทำประกันภัยมากขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมาสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และบ้านเรือนของประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนต้องการลดความเสี่ยงดังกล่าวลง โดยการหันไปทำประกันภัยมากขึ้น
3. เวียดนามลดอัตราดอกเบี้ยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ธนาคารกลางเวียดนามได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ หรือ ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปล่อยให้ธนาคารพาณิชย์ จากร้อยละ 10.0 เหลือร้อยละ 9.0 พร้อมกับปรับลดอัตราดอกเบี้ย discount rate จากร้อยละ 8.0 เหลือร้อยละ 7.0 ผู้จัดการของธนาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของเวียดนามบอกกับสำนักข่าวต่างประเทศว่า การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ จะช่วยลดอุปสรรคการขอเงินกู้ของเอกชนได้
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว ถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี บ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามที่คาดว่าจะชะลอตัวลง จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นของ Fiscal Cliff และเศรษฐกิจสหภาพยุโรปที่ยังคงถดถอยต่อเนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะ ทั้งนี้ แม้ว่าเวียดนามจะเป็นผู้นำเข้าสุทธิ แต่เศรษฐกิจของเวียดนามพึ่งพาการส่งออกเป็นปัจจัยหลักในการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยมีสัดส่วนร้อยละ 78.4 ของ GDP ของปี 54 ดังนั้นจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก จะส่งผลให้ภาคการส่งออกของเวียดนามมีแนวโน้มชะตัวลง โดยข้อมูลล่าสุดการส่งออกของเวียดนามในเดือน พ.ย. 55 ขยายตัวอัตราชะลอลงที่ร้อยละ 15.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนภายในประเทศ
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257