Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 เมษายน 2556
Summary:
1.เอกชนจี้ ธปท.ลดดอกเบี้ยร้อยละ 1 สกัดบาทแข็ง
2. โพลเอแบคชี้ ร้อยละ 61.7 เชื่อไทยมีความพร้อมเปิดรับประชาคมอาเซียน (AEC)
3. ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. 55 ขยายตัว 1.5% สู่ระดับ 417,000 ยูนิต
Highlight:
1. เอกชนจี้ ธปท.ลดดอกเบี้ยร้อยละ 1 สกัดบาทแข็ง
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและยังไม่มีท่าทีจะหยุดนิ่งได้สร้างความเสียหายต่อผู้ส่งออก จึงเห็นว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรจะต้องใช้ยาแรงเข้ามาควบคุมไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนและมีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ส่งออกในการรับคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ ยังเห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 2.75 ลงอีกร้อยละ 1 นอกจากนี้ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ยืนยันว่า ตลาดหุ้นไม่ได้มีส่วนทำให้เงินบาทแข็งค่า เนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติส่วนใหญ่ไหลเข้าไปลงทุนมในตลาดตราสารหนี้ แต่ก็เชื่อว่า หากรัฐบาลแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดก็จะไม่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
- สศค.วิเคราะห์ว่า ปริมาณเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจของไทยที่เติบโตได้ดี โดยปริมาณเงินทุนจากต่างประเทศได้ไหลเข้ามาในตลาดสำคัญของไทยคือ ตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุน โดยล่าสุด ในตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าการซื้อขายสุทธิสะสมตั้งแต่ ม.ค. 56 - 23 เม.ย. 56 อยู่ที่ 133.4 พันล้านบาท ขณะที่ในตลาดตราสารทุน นักลงทุนต่างชาติมีมูลค่าการซื้อขายสุทธิสะสมตั้งแต่ ม.ค. 56 - 23 เม.ย. 56 อยู่ที่ ที่ -9.6 พันล้านบาท และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทย (SET) ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เม.ย 56 ปิดตลาดที่ระดับ 1,549.4 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 จากต้นปี 56 และร้อยละ 19.4 ในรอบ 6 เดือนล่าสุด อย่างไรก็ตาม เงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติได้ส่งผลต่อค่าเงินบาทในปี 56 ให้มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ค่าเงินบาท ณ วันที่ 24 เม.ย. 56 อยู่ที่ 28.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี 56 ร้อยละ 5.9 ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ค่าเงินบาทในปี 56 อยู่ที่ 29.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีช่วงคาดการณ์ 28.4-30.4 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค.56)
2. โพลเอแบคชี้ ร้อยละ 61.7 เชื่อ ไทยมีความพร้อมเปิดรับประชาคมอาเซียน (AEC)
- สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนในสายตาชาวกรุง ระหว่างวันที่ 15-23 เม.ย. 56 พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61.7 ระบุคนไทยมีความพร้อมต่อการรับมือกับการเปิดประชาคมอาเซียน และร้อยละ 80.3 ระบุว่า ผู้นำประเทศควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน นอกจากนี้ เมื่อถามถึงสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดต่อการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนาคือ การพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานให้เท่าเทียมกันทั้งประเทศ อันดับสอง ภาษาต่างประเทศ และอันดับสามคือการส่งเสริมวิชาชีพชำนาญการและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน
- สศค. วิเคราะห์ว่า การรวมกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียนจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนของไทย เนื่องจากอุปสรรคทางการค้าที่เป็นภาษีและมิใช่ภาษีจะหมดไปและกฎระเบียบต่างๆ จะมีการปรับเพื่อให้สอดคล้องและเอื้อประโยชน์ในกลุ่มสมาชิกมากขึ้น ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนอยู่ที่ร้อยละ 24.7 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย นอกจากนี้ การรวมตัวเป็นตลาดเดียว จะช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรมีการเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานที่ขาดทักษะ และพัฒนาระบบการขนส่งของไทย เนื่องจาก ไทยใช้การขนส่งทางถนนถึงร้อยละ 82 การขนส่งทางรถไฟเพียงร้อยละ 2 การขนส่งทางน้ำร้อยละ 15 และการขนส่งทางอากาศเพียงร้อยละ 1 ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP อยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 15.2 ในขณะที่สิงคโปร์ และมาเลเซีย มีต้นทุนโลจิสติกส์ อยู่ในระดับร้อยละ 8 และ 13 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ. ดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา
3. ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ ในเดือน มี56 .ค. ขยายตัว %1.5 สู่ระดับยูนิต 417,000
- กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในประเทศในเดือน มี.ค. 56 ขยายตัวขึ้น 1.5% สู่ระดับ 417,000 ยูนิต หลังจากที่ลดลงแตะ 411,000 ยูนิตในเดือน ก.พ. 56 และเมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.ของปีที่แล้ว ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 18.5% และราคากลางของบ้านใหม่อยู่ที่ 247,000 ดอลลาร์ในเดือน มี.ค.56 เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
- สศค. วิเคราะห์ว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯ ในเดือน มี.ค. 56 ที่ปรับตัวดี มาจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวมากขึ้น สะท้อนได้การจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมี.ค. 56 เพิ่มขึ้น 88,000 ตำแหน่งจากเดือนก่อนหน้า จากการจ้างงานภาคบริการเป็นสำคัญ ทำให้อัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.6 ของกำลังแรงงานรวม ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค. 56 ขยายตัวร้อยละ 1.8 ต่อปี ผลจากยอดขายอาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้า และอุปกรณ์กีฬา ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะต่อไปคาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจาก 2 ปัจจัย คือ 1) การเกื้อหนุนกัน (Positive Feedback Loop) ระหว่างการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน และ 2) การฟื้นตัวของราคาอสังหาริมทรัพย์ที่จะช่วยสนับสนุนการบริโภคในระยะต่อไป โดย 2 ปัจจัยดังกล่าว คาดว่าจะให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 56 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.2 (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค. 56)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257