รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 11, 2013 11:13 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556

Summary:

1. ตรึงราคาLPGครัวเรือนถึงมีนาคม เอ็นจียังไม่ขยับเหตุปั๊มมีน้อย

2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 56 จะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท

3. มูลค่าการค้าของจีนปี 2555 แซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของโลก

Highlight:

1. ตรึงราคาLPGครัวเรือนถึงมีนาคม เอ็นจียังไม่ขยับเหตุปั๊มมีน้อย
  • รมว.กระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเข้าประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาตรึงราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนที่ 18.13 บาท/กก. ไปจนถึงเดือน มีนาคม 2556 โดยให้ปรับราคาขายปลีกก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนให้เป็น 24.82 บาท/กก. ภายในปี 2556 นอกจากนี้ยังไม่มีแผนจะปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีจนกว่าแผนการขยายปั๊มใหม่ของ ปตท.จะมีความชัดเจน รองรับความต้องการของผู้ใช้รถที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ก่อนหน้า ปตท.ระบุว่า จำหน่ายเอ็นจีวีขาดทุน และไม่ต้องการขยายเพิ่มปั๊มแอลพีจีเกิน 500 แห่งแล้วก็ตาม
  • สศค. วิเคราะห์ว่า LPG แยกออกเป็นภาคครัวเรือน ภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 18.13 21.13 และ 30.13 บาทต่อกก. ตามลำดับ โดยราคาก๊าซ LPG มีการปรับขึ้นไปแล้วในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เหลือเพียงภาคครัวเรือนที่มีการตรึงราคาอยู่ ทั้งนี้ แม้ไทยจะสามารถผลิตก๊าซ LPG ได้จากอ่าวไทย แต่ไทยมีการบริโภคก๊าซ LPG มากกว่าที่ผลิตได้ จึงจำเป็นต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนราคาก๊าซที่แท้จริงต้องอิงตามตลาดโลก การตรึงราคาก๊าซ LPG จึงสร้างภาระต่อภาครัฐผ่านกองทุนน้ำมันฯ ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนในอนาคต โดยในระหว่างนี้ ทางกระทรวงพลังงานได้มีแผนบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ภาคครัวเรือน โดยดำเนินการขึ้นทะเบียนผู้ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วยต่อเดือน และผู้หาบเร่แผงลอย เป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ส่วนราคาก๊าซ NGV นั้น ได้มีการปรับขึ้นไปแล้วในปีก่อน โดยปรับเพิ่มเดือนละ 0.5 บาทตั้งแต่เดือนม.ค. 55 และมีการตรึงราคาไว้ที่ 10.5 บาทต่อกก. ในปัจจุบัน
2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 56 จะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการจับจ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ของคนกรุงเทพฯ ปี 2556 จะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาอาหารที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยทุกกิจกรรมในช่วงวาเลนไทน์อยู่ที่ประมาณ 1,280 บาท/คน เทียบกับปีที่แล้วที่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,220 บาท/คน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ที่ขยายตัวขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการบริโภคภาคเอกชนในปี 56 ที่ขยายตัวดี โดยการบริโภคภาคเอกชน ปี 56 ส่งสัญญาณขยายตัวแข็งแกร่ง เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจาก 1. ความต่อเนื่องของนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ นโยบายการรับจำนำข้าวและการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงขั้นต่ำ 300 ในจังหวัดที่เหลือทั่วประเทศ และ 2. แนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจ สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค. 56 ที่อยู่ระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน สอดคล้องกับยอดปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ยังคงขยายตัวในระดับที่ร้อยละ 19.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่า การบริโภคภาคเอกชนในปี 56 นี้จะขยายตัวร้อยละ 3.9 หรือในช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.4 - 4.4 (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 55)
3. มูลค่าการค้าของจีนปี 2555 แซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของโลก
  • ทางการจีนประกาศตัวเลขนำเข้าส่งออกของปี 2555 พบว่ามูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.05 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯและมีมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 1.82 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จากตัวเลขดังกล่าว จีนได้กลายมาเป็นประเทศที่มี trade volume (มูลค่าการส่งออกรวมกับมูลค่าการนำเข้า) สูงที่สุดในโลกที่ 3.87 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าสูงกว่าสหรัฐฯที่ทำได้ 3.82ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯในปีเดียวกัน ถือเป็นการแซงหน้าสหรัฐฯที่เร็วกว่าที่หลายฝ่ายได้เคยคาดการณ์
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การขึ้นมาเป็นที่หนึ่งในด้านการค้าต่างประเทศของจีนเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแกนอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลกจากสหรัฐฯมาเป็นจีน โดยอาศัยการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงและฐานประชากรขนาดใหญ่ที่เป็นทั้งแรงงานและผู้บริโภคที่กำลังซื้อมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายๆประเทศมีแนวโน้มในการเข้าทำการค้ากับจีนไม่ว่าจะเป็นการส่งออกหรือการนำเข้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับประเทศไทยที่จีนได้มีความสำคัญในฐานะคู่ค้าเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดในช่วง 10ปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการส่งออกไปยังจีนอยู่ที่ 26.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2555เพิ่มขึ้นมากกว่า 3.5 เท่าในช่วง 10 ปี ก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการเป็นตลาดส่งออกตั้งแต่ปี 2553 และยังคงมีการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่อง ด้านการนำเข้าจากจีนมีมูลค่าปี 2555 อยู่ที่ 36.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4.6 เท่า จัดเป็นอันดับ 2 ของไทยมาตั้งแต่ปี 2547 สศค.คาดว่าการนำเข้าจากจีนจะสูงเป็นอันดับหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเช่นกันจากแนวโน้มอัตราการเติบโตที่สูงขณะที่มีมูลค่าใกล้เคียงการนำเข้าจากญี่ปุ่นที่เป็นอันดับหนึ่งกล่าวได้ว่าจีนได้กลายเป็นประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจการค้าของไทยมากที่สุดไปแล้วในปัจจุบัน

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ