Macro Morning Focus ประจำวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556
1. พาณิชย์จัดมหกรรมสินค้าเกษตรต้อนรับตรุษจีน 6 - 8 ก.พ.นี้
2. จรัมพร เตือนนักลงทุนระวังหุ้นร้อน 70 บริษัท เผยค่าพี/อี สูง 40 เท่า
3. ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรจีนบวกต่อเนื่องหลังฟื้นความเชื่อมั่น
Highlight:
- อธิบดีกรมการค้าภายในเปิดเผยว่า กรมการค้าภายในจัด "มหกรรมสินค้าเกษตร ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน"ระหว่างวันที่ 6 - 8 ก.พ.56 ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์" ภายในงานมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรคุณภาพดีส่งตรงจากฟาร์ม และโรงงาน อาทิ หมู ไก่ ผักสด ผลไม้ ของไหว้เจ้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดร้อยละ 20-40 กว่า 100 คูหา นอกจากการจัดงานที่กระทรวงพาณิชย์แล้ว ทางกรมการค้าภายในยังได้รับความร่วมมือจากสหฟาร์ม ห้างแม็คโคร บิ๊กซี เทสโก้โลตัส และท็อปส์ทุกสาขา ทั่วประเทศ จัดโซนจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีน
- สศค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มราคาอาหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ (สะท้อนจากดัชนีราคาผู้บริโภค ในเดือน ม.ค.56 ขยายตัวร้อยละ0.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า(%mom)โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ และการปรับตัวขึ้นของค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(ft))ได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม การจัดมหกรรมสินค้าเกษตรดังกล่าวจะช่วยบรรเทาค่าครองชีพของผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีนได้ ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยให้เกษตรกรขายผลผลิตได้เพิ่มขึ้น และช่วยกระตุ้น การจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชนอีกด้วย ทั้งนี้ สศค. คาดว่าในปี 56 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 3.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.5 - 3.5 คาดการณ์ ณ ธ.ค.55)
- กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีหุ้นประมาณ 70 บริษัทที่มีกำไรต่อหุ้น หรือพีอี เรโช สูงกว่า 40 เท่า ซึ่งปรับขึ้นอย่างก้าวกระโดด จึงต้องพิจารณาว่าราคาที่ปรับขึ้นไปนั้น
- SET มีปัจจัยพื้นฐานรองรับหรือไม่ ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนประกอบการลงทุนด้วย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ. จะมีกำไรเติบโตร้อยละ 12 - 14 จากปีก่อน และหากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 12 - 14 ก็ถือว่าเป็นไปตามปัจจัยพื้นฐาน สำหรับความคืบหน้าโครงการหุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด รุ่นที่ 1 พบว่า ขณะนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 4 บริษัท โดยอยู่ในจังหวัดชลบุรี ปทุมธานี และปราจีนบุรี
- สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ในปี 56 ยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า โดยในช่วงต้นปี 56 SET อยู่ที่ระดับ 1,401.4 จุด และปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือน ม.ค. จนสามารถทำสถิติสูงสุดในรอบ 19 ปี ได้ที่ระดับ 1,511.9 จุด ในวันที่ 4 ก.พ. 56 คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 ภายในระยะเวลา 1 เดือน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากเม็ดเงินลงทุนทั้งจากสถาบันการเงินในประเทศ และเงินลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี พบว่าค่าพี/อี ของตลาดหลักทรัพย์ SET ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 19.6 เท่าซึ่งเป็นระดับที่สูง จึงจำเป็นต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ฟองสบู่ขึ้น ทั้งนี้ประเด็นที่นักลงทุนต่างจับตาคือ การประชุม รมต.คลังของกลุ่มสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลในวันที่ 11 ก.พ. 56
- สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรที่ตลาดต้าเหลียนและตลาดเจิ้งโจวปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกิจกรรรมการผลิตในจีนและสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาดได้ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดและหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยสัญญาซื้อขายกากเรปซี้ดที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจว สัญญาส่งมอบเดือน พ.ค. พุ่งขึ้น 2.44% ปิดที่ 2,561 หยวน/ตัน สำหรับราคาน้ำตาลเริ่มปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยสัญญาส่งมอบเดือน ก.ย. ขยับลง 0.02% ปิดที่ 5,458 หยวน/ตัน สำหรับการซื้อขายในตลาดต้าเหลียนนั้น สัญญาน้ำมันถั่วเหลืองส่งมอบเดือน พ.ค. ขยับขึ้น 0.75% ปิดที่ 8,896 หยวน/ตัน
- สศค. วิเคราะห์ว่า การเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน (GDP ไตรมาส 4/55 ของจีนเติบโต 7.9%YoY ดีขึ้นจาก 7.4%YoY ในไตรมาส 3/55) จะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์และราคา โภคภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรและการขยายตัวของภาค การผลิตจีน (สะท้อนจากดัขนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Mfg PMI) เดือน ม.ค. 56 ที่อยู่ที่ระดับ 50.4จุด ซึ่งอยู่เหนือระดับ 50.0 บ่งชี้การขยายตัวภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก) จะมีส่วนผลักดันดันให้อุปสงค์ของเอเชียและตลาดโลกดีขึ้นในปี 56 นี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐาน ได้แก่ ก๊าซ น้ำมัน ถ่านหิน ปิโตรเคมี ทองคำ โลหะต่างๆ ตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์ในหมวดอื่นๆ เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกในแทบทุกหมวดรายการโภคภัณฑ์ดังกล่าว
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257