รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 10 มกราคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 10, 2013 11:43 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 10 มกราคม 2556

Summary:

1. กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง

2. ผลสำรวจชี้ ไทยจุดแข็งอันดับ 1 เอื้อลงทุนที่สุดในอาเซียน ยกเว้นการเมืองแย่สุด

3. ความเชื่อมั่นธุรกิจของยูโรโซน ธ.ค.55 ปรับตัวดีขึ้น

Highlight:

1. กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง
  • นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 9 ม.ค. 55 โดยประเมินว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนปรนต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา มีส่วนสำคัญช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นและอุปสงค์ของภาคเอกชน ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากอุทกภัยและรองรับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกได้อย่างน่าพอใจ คณะกรรมการฯ เห็นว่าภายใต้ภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย การคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันยังเป็นนโยบาย ที่เหมาะสมในการสนับสนุนอุปสงค์ในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75%ต่อปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่กนง. ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ 2.75 เนื่องจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย โดยเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจในเดือนพ.ค. 55 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภายในประเทศและนอกประเทศ โดยการบริโภคสะท้อนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 0.6 (m-o-m SA) ส่วนการลงทุนภาคเอกชนที่สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 8.9 (m-o-m SA) ปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ การส่งออกขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 3.1 (m-o-m SA) เช่นเดียวกับภาคการผลิตอุตสาหกรรมมีสัญญาณของการขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 8.0 (m-o-m SA) โดยกลุ่มที่มีการขยายตัวได้ดี ได้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทแอร์ ตู้เย็น พัดลม ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีมากต่อทิศทางของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 5.7 ในปี 55 และ 5.0 ในปี 56 (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 55)
2. ผลสำรวจชี้ ไทยจุดแข็งอันดับ 1 เอื้อลงทุนที่สุดในอาเซียน ยกเว้นการเมืองแย่สุด
  • ผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง "โอกาสและจุดแข็งของประเทศไทยต่อบรรยากาศการลงทุนในอาเซียนปี 2556 ในสายตาชาวต่างชาติ" จากชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในกลุ่มประเทศอาเซียนและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทยและอย่างน้อย 5 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน พบว่า ไทยเมีโอกาสและจุดแข็งหลายด้านที่เอื้อต่อการลงทุนในปี 56 แต่ปัญหาใหญ่ของไทยคือ เสถียรภาพทางการเมืองและปัญหาทุจริตคอรัปชั่น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีแผนพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อรองรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติและเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 มาอย่างต่อเนื่อง เช่น แผนยุทธศาสตร์การทรวงการคลังด้านการเงินการคลังอาเซียน มาตรการปรับลดอัตราภาษีของไทยให้เทียบเท่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนโดยการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 20 ในปี 56 การเร่งรัดพัฒนาระบบการให้บริการศุลกากรเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (ASEAN Single Window) การพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อเชื่อมโยงกับตลาดทุนอาเซียน การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) นอกจากนี้ ในส่วนของภาครัฐก็ได้มีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ได้แก่ แผนบริหารจัดการน้ำในระยะยาวของภาครัฐที่มีวงเงินลงทุนรวม 3.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยลงทุนได้มากขึ้นในปี 56 และแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ (ปี 2556-2562) ที่มีมูลค่า 2.27 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างพิจารณายกร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ พ.ศ..... โดยข้อมูลล่าสุด เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสุทธิของทุกภาคเศรษฐกิจในช่วง 10 เดือนแรกของปี 55 มีจำนวน 240.9 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 28.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
3. ความเชื่อมั่นธุรกิจของยูโรโซน ธ.ค.55 ปรับตัวดีขึ้น
  • คณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยผลสำรวจรายเดือนว่า ความเชื่อมั่นธุรกิจของยูโรโซนปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.3 จุด ในเดือน พ.ย.55 มาอยู่ที่ 87 ในเดือน ธ.ค.55 หลังจากความเชื่อมั่นลดลงต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบ 1 ปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการอนุมัติเบิกเงินกู้รอบใหม่ให้กรีซ จำนวน 34.4 พันล้านยูโร เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 55 ที่ผ่านมา โดยผลของมาตรการดังกล่าว จะช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติยูโรโซนได้เพียงชั่วคราว นอกจากนี้ ยังสะท้อนได้จากข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Markit's Composite PMI) ที่ปรับเพิ่มจากระดับ 46.5 จุดในเดือน พ.ย.55 มาอยู่ที่ระดับ 47.3 จุดในเดือน ธ.ค.55 อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวยังคงอยู่ระดับต่ำว่า 50 จุดต่อเนื่องยาวนานกว่า 16 ประกอบกับสถิติอัตราการว่างงานโดยรวมของกลุ่มยูโรโซนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 11.7 หรือประมาณ 18.8 ล้านคนในเดือน พ.ย.55 และภาคครัวเรือนก็ลดการใช้จ่ายลง สะท้อนให้เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของยูโรโซนกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 56 เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.2 (คาดการณ์ เดือน ธ.ค.55)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ