รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 8 มกราคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 8, 2013 10:57 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 8 มกราคม 2556

Summary:

1. กระทรวงพลังงานเลื่อนปรับขึ้นแอลพีจีภาคครัวเรือน จากเดิมที่กำหนดไว้เดือน ก.พ.

2. ม.หอการค้าไทย ชี้ รัฐบาลยังจำเป็นต้องอัดฉีดเงิน พยุงเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 5.0

3. พ.ย. ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐขยับขึ้นสู่ระดับ 4.77 แสนล้าน

Highlight:

1. กระทรวงพลังงานเลื่อนปรับขึ้นแอลพีจีภาคครัวเรือน จากเดิมที่กำหนดไว้เดือน ก.พ.
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มีแนวโน้มที่จะต้องเลื่อนการปรับโครงสร้างแก๊สหุงต้ม (LPG) ภาคครัวเรือนออกไปก่อนจากเดิมที่กำหนดจะทยอยขึ้นตั้งแต่เดือน ก.พ.56 โดยต้องให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปสำรวจข้อมูลจากประชาชนผู้มีรายได้น้อย และร้านค้ารายย่อย ซึ่งได้รับการอุดหนุนราคา ตามหลักเกณฑ์ต้องใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ให้แล้วเสร็จก่อน ซึ่งขณะนี้ สนพ. อยู่ระหว่างการว่าจ้างราชภัฏสวนดุสิต สำรวจกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่จะต้องดูรายละเอียดในเรื่องของที่อยู่อาศัยที่ชัดเจน และปริมาณความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีทั่วประเทศ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้มเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างราคาพลังงานเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ช่วยลดภาระการอุดหนุนราคาพลังงานของภาครัฐ และช่วยให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดีการปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้มจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนัก ประกอบกับจะมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ตามหลักเกณฑ์ที่ว่าใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ให้สามารถใช้แก๊สหุงต้มได้ในราคาเดิม ทำให้ช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อลงได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้สศค.ได้ประเมินผลกระทบจากการปรับเพิ่มราคาแก๊สหุงต้มที่ 7.0 บาท/กิโลกรัม ว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 จากกรณีฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกรณีฐานอยู่ที่ร้อยละ 3.0)
2. ม.หอการค้าไทย ชี้ รัฐบาลยังจำเป็นต้องอัดฉีดเงิน พยุงเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 5.0
  • ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2556 ว่าเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น เป็นผลมาจากปัญหาต่างๆ ในปีที่ผ่านมาคลี่คลายลงทั้งปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปและปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตขึ้นใกล้เคียงร้อยละ 5.0
  • สศค.วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวในอัตราเร่งที่ร้อยละ 14.0 จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริการจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทที่คาดว่าจะมีการเร่งเบิกจ่ายเพิ่มมากขึ้นในปี 56 นอกจากนี้ เชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ สศค.คาดว่าเศรษฐกิจไทยใน 56 จะอยู่ที่ร้อยละ 5.0 โดยมีช่วงคาดการณ์ร้อยละ 4.5 - 5.5 (คาดการณ์ ณ ธ.ค.55)
3. พ.ย. ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐขยับขึ้นสู่ระดับ 4.77 แสนล้าน
  • ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงาน พ.ย.12 ของสหรัฐขยับขึ้น 211 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 4.77 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยยอดคำสั่งซื้อยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ส่วนยอดสั่งซื้อในภาคเครื่องบินพลเรือนตกลงร้อยละ 13.8 อย่างไรก็ดี ยอดการจ้างานที่เพิ่มขึ้นสะท้อนว่าบริษัทต่างๆ เต็มใจที่จะลงทุนและขยายธุรกิจ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาคการบริโภคของชาวสหรัฐที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าคงทน เช่น ยานยนต์ เป็นต้น
  • สศค.วิเคราะห์ว่า แนวโน้มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไตรมาส 4 ปี 55 เฉลี่ยอยู่ที่ 69.9 จุด ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 65.0 จุด ส่งผลให้ดัชนีฯ เฉลี่ยทั้งปี 55 อยู่ที่ระดับ 66.9 จุด (สูงขึ้นจากระดับเฉลี่ยปี 54 ที่อยู่ที่ระดับ 58.1 จุด) ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริโภคภาคเอกชนและภาคการผลิตสหรัฐฯ ในปี 55 และปี 56 นี้ อย่างไรก็ดี ปัญหาหน้าผาทางการคลังและปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิตและการบริโภคในสหรัฐฯ ในปี 56

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ