รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 7 มกราคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 7, 2013 11:15 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 7 มกราคม 2556

Summary:

1. กระทรวงพาณิชย์ เผยไทยส่งออกข้าวหดตัวร้อยละ 30.0 ในปี 55

2. ทอท.ปลื้มยอดผู้โดยสารเพิ่ม

3. อินเดียจ่อหั่นนำเข้าทองลดขาดดุล

Highlight:

1. กระทรวงพาณิชย์ เผยไทยส่งออกข้าวหดตัวร้อยละ 30.0 ในปี 55
  • รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวของไทยในปี 55 นับถึงวันที่ 28 ธ.ค.55 มีมูลค่า 4,728 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่จำนวน 6.9 ล้านตัน หรือหดตัวร้อยละ 30.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54 ทำให้ไทยร่วงลงมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 3 รองจากอินเดียที่ส่งออกได้ 9.5 ล้านตัน และเวียดนาม ที่คาดว่าส่งออก 7.5 ล้านตัน สำหรับเป้าหมายการส่งออกข้าวในปี 56 กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างการทบทวนปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกใหม่ โดยพยายามเพิ่มให้มากกว่าเป้าหมายที่ 8.5 ล้านตัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกทำให้ผลผลิตข้าวออกมามากกว่าปีก่อนๆ ส่งผลให้ประเทศอินเดียซึ่งเป็นประเทศส่งออกขายอันดับ 3 ของโลกสามารถส่งออกข้าวขาวได้เป็นจำนวนเฉลี่ย 6 แสนตัน/เดือน (จากที่ไม่มีการส่งออกข้าวขาวเลยเป็นเวลาเกือบ 5 ปี) นอกเหนือจากการส่งออกข้าวบาสมาติ ส่วนประเทศเวียดนามต้องการส่งออกข้าวให้มากที่สุดเพื่อต้องการหาเงินตราต่างประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลดลง ในขณะที่ไทย มีนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ทำให้ราคาข้าวไทยโดยเฉลี่ยสูงกว่าราคาข้าวทั้ง 2 ประเทศ ทำให้การส่งออกข้าวขาวไทยปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี การส่งออกข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นข้าวคุณภาพดีในปี 55 พบว่าหดตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ -4.7 เนื่องจากยังมีประเทศที่มีความต้องการข้าวหอมมะลิสูง ได้แก่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดิอารเบีย
2. ทอท.ปลื้มยอดผู้โดยสารเพิ่ม
  • ทอท. เปิดเผยว่าปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. มีผู้โดยสารรวมประมาณ 74,261,000 คน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 11.9% เป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 46,012,000 คน ผู้โดยสารภายในประเทศ 28,249,000 คน สำหรับเที่ยวบินมีจำนวนรวมประมาณ 496,749 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 10.5% เป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 275,422 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 221,327 เที่ยวบิน สำหรับการเข้าสู่ AEC ซึ่งประเทศไทยได้รับบทบาทให้เป็นผู้ประสานงานหลักสาขาท่องเที่ยวและการบิน ทางทอท.ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ได้เร่งรัดการปฏิรูปการบริหาร การจัดการองค์กร และพัฒนาการบริการ เพื่อให้ท่าอากาศยานของ ทอท.สามารถรองรับการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
  • สศค.วิเคราะห์ว่า การเพิ่มขึ้นของยอดผู้โดยสารของการขนส่งทางอากาศ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว โดยจากข้อมูลล่าสุดในเดือน ม.ค.-พ.ย.55 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 19.8 ล้านคน โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมากที่สุด รองลงมาคือประเทศมาเลเซีย โดยคาดว่าทั้งปี 55 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 22 ล้านคน คิดเป็นรายได้ของประเทศประมาณ 8.86 แสนล้านบาท นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารภายในประเทศ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของการบริโภคภาคเอกชนในปี 55 ที่ผ่านมา โดยสศค.คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนที่แท้จริงในปี 55 จะสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 5.6 ส่วนในปี 56 สศค.ยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ระดับร้อยละ 5.0 (ประมาณการเมื่อเดือนธ.ค.55)
3. อินเดียจ่อหั่นนำเข้าทองลดขาดดุล
  • ทางการอินเดียเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศในเดือนก.ค.- ก.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เนื่องจากการส่งออกที่ลดลง และยอดขาดดุลดังกล่าว ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2492 เป็นต้นมา เป็นต้นเหตุให้รูปีอ่อนค่าลง ส่งผลการนำเข้ามีมูลค่าสูงขึ้น โดยนายจีดัมบาราม รมว.คลังอินเดียกล่าวว่า เขากำลังพิจารณาการจำกัดการนำเข้าทอง ซึ่งชาวอินเดียใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การนำเข้าจำนวนมากของอินเดียมีส่วนทำให้ยอดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอินเดียเพิ่มสูงขึ้น โดยการนำเข้าทองของอินเดียพุ่งขึ้น 9% สู่ระดับ 223.1 ตันในเดือน ก.ค.-ก.ย. หลังจากที่ดิ่งลง 56% สู่ระดับ 131 ตันในเดือนเม.ย.-มิ.ย. ทั้งนี้ การที่รัฐบาลอินเดียอาจจำกัดการนำเข้าทองจะส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวดีขึ้น และจะส่งผลให้เศรษฐกิจอินเดียมีเสถียรภาพภายนอกประเทศที่มั่นคงมากขึ้น โดยความมั่งคงของเศรษฐกิจอินเดียมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจไทยผ่านทางการส่งออก เนื่องจากอินเดียถือเป็นตลาดส่งออกของไทยที่ใหญ่เป็นอันดับ 13 โดยสัดส่วนของมูลค่าการส่งออกสินค้าจากไทยไปอินเดียอยู่ที่ร้อยละ 2.3 ของการส่งออกรวม

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ